คณะกรรมาธิการยุโรปได้ประกาศ Commission Implementing Regulation (EU) 2025/854 ว่าด้วย การกำหนดแผนสุ่มตรวจหาสารปราบศัตรูพืชตกค้างในสินค้าอาหาร ประจำปี 2569 – 2571 ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.หน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารประจำสหภาพยุโรป (EFSA) ได้รายงานผลการสุ่มตรวจหาสารปราบศัตรูพืชในสินค้าอาหารจากตัวอย่าง 683 รายการ ในสินค้าอาหาร 32 ชนิด โดยพบว่าอัตราการตรวจพบสารปราบศัตรูพืชตกค้างที่เกินค่าอนุโลมสูงสุด (Maximum Residue Levels : MRLs) อยู่ในระดับมากกว่าร้อยละ 1 โดยมีอัตราความคลาดเคลื่อนที่ร้อยละ 0.75 ดังนั้น คณะกรรมาธิการยุโรปจึงกำหนดให้ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปต้องทำการสุ่มตรวจสารปราบศัตรูพืชตกค้างในสินค้าอาหารที่วางจำหน่ายในสหภาพยุโรป ตั้งแต่ปี 2569 – 2571 เพื่อประเมินความเสี่ยงที่มีต่อผู้บริโภค โดยกำหนดชนิดของสินค้าและรายชื่อสารปราบศัตรูพืชที่ให้ดำเนินการสุ่มตรวจ รวมทั้งจัดสรรปริมาณการสุ่มตรวจระหว่างประเทศสมาชิกฯ ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนประชากรของประเทศนั้น ๆ โดยกำหนดการสุ่มตรวจขั้นต่ำอย่างน้อย 12 ตัวอย่าง/1 สินค้า/ปี
2. ปี 2569 – 2571 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (รวมถึงไอร์แลนด์เหนือ) จะต้องสุ่มตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างครอบคลุมสารปราบศัตรูพืชที่ต้องเฝ้าระวังในสินค้าพืช จำนวน 208 ชนิด (อาทิ สาร Carbofuran สาร Chlorpyrifos สาร Dimethoate สาร Ethylene oxide สาร Glyphosate สาร Mepiquat และสาร Omethoate) และสารปราบศัตรูพืชที่ต้องเฝ้าระวังในสินค้าสัตว์ จำนวน 33 ชนิด (อาทิ สาร Copper Compounds สาร DDT และสาร Fipronil) ตาม Regulation (EU) 2025/854 ภาคผนวก 1
3. รายการสินค้าพืชและสัตว์ที่ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปต้องทำการสุ่มตรวจ (แยกเป็นรายปี) มีดังนี้
1) ปี 2569: ส้ม แพร์ กีวี ดอกกะหล่ำ หัวหอม แครอท มันฝรั่ง ถั่ว (แห้ง) ข้าวไรย์ ข้าวกล้อง ไขมัน สัตว์ปีก และตับวัว
2) ปี 2570: องุ่น กล้วย เกรฟฟรุ๊ต (ผลไม้ตระกูลส้ม) มะเขือ บรอกโคลี เมลอน เห็ดเพาะ พริกหวาน/พริกหยวก ข้าวสาลี น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ ไขมันวัว ไข่ไก่
3) ปี 2571: แอปเปิ้ล สตรอว์เบอร์รี พีช (รวมถึงเนคทารีนและผลไม้พันธุ์ใกล้เคียง) ไวน์แดงหรือไวน์ขาว ผักสลัด กะหล่ำหัว มะเขือเทศ ผักโขม ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ นมวัว ไขมันสุกร
4. สหภาพยุโรปกำหนดให้ประเทศสมาชิกฯ อิงใช้ Commission Directive 2002/63/EC ว่าด้วย วิธีการสุ่มตัวอย่างในการตรวจหาสารปราบศัตรูพืชในสินค้าพืชและสัตว์ ซึ่งสอดคล้องกับข้อแนะนำของ Codex Alimentarius เพื่อประกอบการดำเนินงานดังกล่าว โดยรายละเอียดตามเว็บไซต์ ดังนี้
5. ในกรณีที่ประเทศสมาชิกฯ ตรวจพบสารปราบศัตรูพืชที่มีสารออกฤทธิ์อื่น ๆ ที่ไม่ได้ระบุไว้ หรือตรวจพบเมทาบอไลต์ การเสื่อมสภาพ หรือปฏิกริยาใด ๆ ในสินค้า ให้ประเทศสมาชิกฯ นั้น ๆ แจ้งต่อคณะกรรมาธิการยุโรปเพื่อทราบ
6. การจัดส่งผลการตรวจประเมินสารปราบศัตรูพืชตกค้างฯ ของประเทศสมาชิกฯ จะต้องเป็นไปตามแนวทางที่กำหนด อาทิ Standard Sample Description version 2 และ Chemical Monitoring Reporting Guideline
7. คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดให้การสุ่มตรวจสารตกค้างในสินค้าทั้งหมด ต้องครอบคลุมอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก (Commission Delegated Regulation (EU) 2016/127 มาตรา 4, Commission Delegated Regulation (EU) 2016/128 มาตรา 3 และ Commission Directive 2006/125/EC มาตรา 7 จะต้องเป็นไปตามชนิดของสารพิษตกค้างที่กำหนด (residue definitions) ตาม Regulation (EC) No 396/2005 โดยประเทศสมาชิกฯ จะต้องส่งผลการสุ่มตรวจประจำปีภายในวันที่ 31 สิงหาคมของปีถัดไป โดยผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของ EFSA และกำหนดให้ยกเลิก Implementing Regulation (EU) 2024/989 อย่างไรก็ตาม การสุ่มตัวอย่างในการสุ่มตรวจสำหรับปี 2568 สามารถดำเนินการต่อไปจนถึงวันที่ 1 กันยายน 2569
8. กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จาก QR code
