คณะกรรมาธิการยุโรปประกาศ Commission Regulation (EU) 2025/651 ว่าด้วย การปรับแก้ Regulation (EC) No 1333/2008 เกี่ยวกับข้อกำหนดการใช้วัตถุเจือปนอาหาร โมโน-และไดกลีนเซอไรด์ของกรดไขมัน (E 471) ไขคาร์นอบา (E 903) เลซิทิน (E 322) และกรดไขมัน (E 570) ในผลไม้สดและมันสำปะหลัง ใน EU Official Journal L series ดังนี้
1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นควรอนุญาตให้ใช้ (1) โมโน-และไดกลีนเซอไรด์ของกรดไขมัน (mono- and diglycerides of fatty acids: E 471) (2) ไขคาร์นอบา (carnauba wax: E 903) (3) เลซิทิน (lecithins: E 322) และ (4) กรดไขมัน (fatty acids: E 570) ซึ่งเป็นวัตถุเจือปนอาหารกลุ่มสารเคลือบ (glazing agent) ช่วยเป็นชั้นกั้นทางกายภาพจากการสูญเสียความชื้นและการเกิดออกซิเดชัน เพื่อปกป้องคุณภาพทางโภชนาการ ยืดอายุการเก็บและรักษาผลผลิต โดยอนุญาตให้ใช้ในพืช ดังต่อไปนี้
– โมโน-และไดกลีนเซอไรด์ของกรดไขมัน (E 471) บนผลเสาวรส (passion fruit) ผลกีวี (kiwi) และผลมันสำปะหลัง (cassava) โดยอนุญาตให้ใช้ในปริมาณเหมาะสมเท่าที่จะได้รับผลทางเทคนิคที่ต้องการ (quantum satis)
– ไขคาร์นอบา (E 903) บนผลมันสำปะหลัง (cassava) โดยกำหนดปริมาณการใช้สูงสุดที่ระดับ 200 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
– เลซิทิน (E 322) และกรดไขมัน (E 570) บนผลมันสำปะหลัง (cassava) โดยอนุญาตให้ใช้ในปริมาณเหมาะสมเท่าที่จะได้รับผลทางเทคนิคที่ต้องการ (quantum satis)
2) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 3 เมษายน 2568) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จาก QR code

หมายเหตุ-Regulation (EC) No 1333/2008 ภาคผนวก II กำหนดบัญชีรายชื่อสารที่อนุญาตให้ใช้เป็นวัตถุเจือปนอาหาร และภาคผนวก III กำหนดบัญชีรายชื่อสารนำพาที่ได้รับการอนุญาตให้ใช้ในวัตถุเจือปนอาหาร เอนไซม์ในอาหาร สารปรุงแต่งกลิ่นรสในอาหาร สารอาหาร และกำหนดเงื่อนไขการใช้งานที่เกี่ยวข้อง โดยแต่เดิม โมโน-และไดกลีนเซอไรด์ของกรดไขมัน (E 471) ไขคาร์นอบา (E 903) เลซิทิน (E 322) และกรดไขมัน (E 570) ได้รับอนุญาตเป็นวัตถุเจือปนอาหารในอาหารกลุ่ม « 04.1.1 ซึ่งได้แก่ ผลไม้สดและผักสดทั้งผล (entire fresh fruit and vegetables) ในเฉพาะผลไม้ตระกูลส้ม (citrus fruit) เมลอน สับปะรด กล้วย มะละกอ มะม่วง อะโวคาโด แอปเปิ้ล แพร์ พีช และทับทิม