free page hit counter

สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป

Office of Agricultural Affairs | Royal Thai Embassy, Brussels
HomeRegulationสหภาพยุโรปเตรียมปรับใช้ค่าปริมาณขีดจำกัดที่ยอมรับได้สูงสุด (Maximum Level: ML) ของน้ำมันแร่ไฮโดรคาร์บอน (Mineral Oil Hydrocarbons: MOHs) ในอาหาร

สหภาพยุโรปเตรียมปรับใช้ค่าปริมาณขีดจำกัดที่ยอมรับได้สูงสุด (Maximum Level: ML) ของน้ำมันแร่ไฮโดรคาร์บอน (Mineral Oil Hydrocarbons: MOHs) ในอาหาร

clear mini glass bottle with oil on sackcloth beside a bowl of rice grains
Photo by Towfiqu barbhuiya on Pexels.com

      ด้วย สื่อออนไลน์ AGRINFO ของสหภาพยุโรปได้เผยแพร่บทความ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2567 กรณีคณะกรรมาธิการยุโรปเตรียมกำหนดปรับใช้ค่าปริมาณขีดจำกัดที่ยอมรับได้สูงสุด (Maximum Level: ML) ของน้ำมันแร่ไฮโดรคาร์บอน (Mineral Oil Hydrocarbons: MOHs) ในอาหาร โดยเฉพาะในอาหารกลุ่มเสี่ยง อาทิ ผลิตภัณฑ์ธัญพืช ข้าว ถั่ว เครื่องเทศ สมุนไพรแห้ง ช็อกโกแลต กาแฟ ชา และน้ำมันพืช สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

1. สหภาพยุโรปแยกน้ำมันแร่ไฮโดรคาร์บอน (Mineral Oil Hydrocarbons: MOHs) ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

    – น้ำมันแร่ไฮโดรคาร์บอนอะโรมาติก (Mineral Oil Aromatic Hydrocarbons: MOAH)

    – น้ำมันแร่ไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัว (Mineral Oil Saturated Hydrocarbons: MOSH)

       MOHs สามารถเข้าสู่อาหารผ่านทางสิ่งแวดล้อม (บรรจุภัณฑ์ การขนส่ง การแปรรูป และวัตถุเจือปนอาหาร) ตลอดจนหากพบในวัตถุดิบแล้ว ก็จะไม่สามารถกำจัดให้หมดไปได้จากการแปรรูปสินค้านั้นๆ และหากสะสมในร่างกายอาจทำลายสารพันธุกรรม (DNA) และก่อให้เกิดมะเร็งได้   

    2. ตั้งแต่ปี 2560 หน่วยงานความปลอดภัยอาหารประจำสหภาพยุโรป (European Food Safety Authority: EFSA) ได้ทำการสำรวจและศึกษาการปนเปื้อนของ MOHs ในอาหาร เพื่อเตรียมกำหนดค่าปริมาณขีดจำกัดที่ยอมรับได้สูงสุด (Maximum Level: ML) โดยจากการประเมินพบว่า นมดัดแปลงสำหรับทารก/นมดัดแปลงสูตรต่อเนื่องสำหรับทารกและเด็กเล็ก (infant & follow-on formula) ซุปก้อน ชา ชอกโกแลต น้ำมันมะกอก และข้าว เข้าข่ายจะมีความเสี่ยงที่จะมีการตกค้างของ MOHs เกินกว่าค่า LOQs นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการยุโรปได้มีการตรวจพบ MOHs ในสินค้าอื่นๆ อาทิ ผงกะทิ กาแฟ แป้งข้าวดูรัม แป้งจากถั่วชิกพีและข้าวจ้าว ครีมถั่วทาขนมปัง เลนทิล น้ำมัน (อะโวคาโด ปาล์ม ข้าว และงา) ขนมอบ เชียบัตเตอร์ เครื่องเทศ (อบเชย กานพลู พริกไทย และวานิลลา) ซุปก้อน และลูกเกด

    3. จากสถิติระบบ Rapid Alert System for Food and Feed (RASFF) ของสหภาพยุโรป ในปี 2563 – 2567 มีการตรวจพบ MOAH ในสินค้าเกษตรและอาหารจากประเทศที่สาม ดังนี้ (1) พริกไทยเสฉวนจากจีน (2) กาแฟจากเอธิโอเปีย (3) น้ำมันปาล์มจากกินี (4) ข้าวจากอินเดีย (5) ขนมอบจากอิหร่าน (6) ฟะรีกะฮ์จากจอร์แดน (7) กานพลูและผงวานิลลาจากมาดากัสการ์ (8) ซุปก้อนจากโมร็อกโก (9) ข้าวจากปากีสถาน (10) วานิลลาจากปาปัวนิวกินี (11) กะทิและน้ำมันรำข้าว (3 ครั้ง) จากไทย (12) เลนทิลแดงจากตุรกี และ (13) น้ำมันดอกทานตะวันจากยูเครน รวมถึงมีการตรวจพบ MOAH ในสินค้าเกษตรและอาหารในประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในน้ำมันพืช อาทิ น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันอะโวคาโด น้ำมันมะกอก น้ำมันปาล์ม และน้ำมันงา เป็นต้น              

    4. จากข้อมูล AGRINFO ระบุว่า คณะกรรมาธิการยุโรปเตรียมกำหนดค่า ML ของน้ำมันแร่ไฮโดรคาร์บอน (Mineral Oil Hydrocarbons: MOHs) ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 โดยยึดหลักการ ระดับที่ต่ำสุดเท่าที่ทำได้ (As Low As Reasonably Achievable: ALARA) จากการปรับใช้การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี การปฏิบัติทางการประมงที่ดี และการปฏิบัติทางการผลิตที่ดี ควบคู่กับการคำนึงถึงความเสี่ยงจากการบริโภคอาหารนั้นๆ ทั้งนี้ EFSA ยอมรับวิธีการตรวจวิเคราะห์ MOHs ที่เชื่อถือได้ โดยวิธี LC-GC-FID และกรณีการตรวจวิเคราะห์เพื่อยืนยันผล (confirmatory analysis) โดยวิธี GCxGC (two dimentional gas chromatography) เพื่อแยก MOHs ออกจากสารอนุพันธ์ธรรมชาติ (endogenous substances)   ทั้งนี้ การประกาศปรับใช้ค่า ML ของน้ำมันแร่ไฮโดรคาร์บอน (Mineral Oil Hydrocarbons: MOHs) ในอาหาร อาจส่งผลกระทบต่อสินค้าบางกลุ่มที่มีการส่งออกของไทย รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เคยมีการตรวจพบ MOHs (กะทิและน้ำมันรำข้าว)

    ———– 

    *น้ำมันแร่สามารถเข้าสู่ผลิตภัณฑ์อาหารและผลิตภัณฑ์แปรรูปในทุกกระบวนการในอุตสาหกรรมอาหาร แหล่งที่มาที่เป็นไปได้ ได้แก่ เชื้อเพลิง ควันไอเสีย น้ำมันหล่อลื่น สารปรับสภาพพื้นผิว น้ำมันผสม และวัสดุบรรจุภัณฑ์ กลุ่มอาหารที่เกี่ยวข้องกับการปนเปื้อนน้ำมันแร่ ได้แก่ ข้าว แป้งธัญพืช ธัญพืช ผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลต เครื่องเทศ ไขมัน และน้ำมัน ตลอดจนอาหารแปรรูป Source: https://www.eurolab.net

    ** ปัจจุบัน สหภาพยุโรปกำหนดค่าต่ำสุดที่สามารถรายงานค่าเชิงปริมาณ (Limit of Quantification: LOQ) ของ MOAH ในอาหารเป็นการชั่วคราว

    • 0,5 มิลลิกรัม/กิโลกรัมในอาหารแห้งที่มีส่วนประกอบของไขมัน/น้ำมันต่ำ (≤4% ไขมัน/น้ำมัน)
    • 1 มิลลิกรัม/กิโลกรัมในอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมัน/น้ำมันสูง (≥4% ไขมัน/น้ำมัน)
    • 2 มิลลิกรัม/กิโลกรัมในไขมัน/น้ำมัน