free page hit counter

สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป

Office of Agricultural Affairs | Royal Thai Embassy, Brussels
HomeRegulationสหภาพยุโรปอนุญาตสารเสริมในอาหารสัตว์

สหภาพยุโรปอนุญาตสารเสริมในอาหารสัตว์

Featured Image by Artem Beliaikin under Pexels license
  1. Commission Implementing Regulation (EU) 2020/1395 ว่าด้วย การอนุญาตให้ Bacillus amyloliquefaciens CECT 5940 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L 324/3
    1. คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้ Bacillus amyloliquefaciens CECT 5940 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ภายใต้กลุ่ม zootechnical additives เพื่อช่วยควบคุมเชื้อในกระเพาะ (gut flora stabilisers) และอนุญาตให้ใช้กับไก่เพื่อขุนและไก่เลี้ยงเพื่อไข่ เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ ไปจนถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2573 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน
    2. คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดให้ใช้สารเสริมดังกล่าวขั้นต่ำสุดที่ปริมาณ 1 x 109 CFU/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
    3. กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 6 ตุลาคม 2563) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้ https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32020R1395&from=EN
  2. Commission Implementing Regulation (EU) 2020/1396 ว่าด้วย การอนุญาตให้ geraniol, citral, 3,7,11-trimethyldodeca-2,6,10-trien-1-ol, (Z)-nerol, geranyl acetate, geranyl butyrate, geranyl formate, geranyl propionate, neryl propionate, neryl formate, neryl acetate, neryl isobutyrate, geranyl isobutyrate และ prenyl acetate เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์
    1. คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้ geraniol, citral, 3,7,11-trimethyldodeca-2,6,10-trien-1-ol, (Z)-nerol, geranyl acetat, geranyl butyrate, geranyl formate, geranyl propionate, neryl propionate, neryl formate, neryl acetate, neryl isobutyrate, geranyl isobutyrate และ prenyl acetate เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางประสาทสัมผัส (sensory additives) โดยมีหน้าที่เป็นสารแต่งกลิ่น (flavouring compounds) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ทุกชนิด ยกเว้นสัตว์ทะเล เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2573 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน
    2. คณะกรรมาธิการยุโรปอนุโลมช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านดังนี้
      • (1) สารที่ระบุในภาคผนวก รวมทั้งสารผสมล่วงหน้า (premixture) ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 26 เมษายน 2564 ซึ่งได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิมก่อนวันที่ 26 ตุลาคม 2563 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าดังกล่าวจะหมดไปจากคลังสินค้า
      • (2) วัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) และอาหารสัตว์ผสม (compound feeds) สำหรับสัตว์ที่ใช้เป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของสารที่ระบุในภาคผนวก โดยผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 26 ตุลาคม 2564 ซึ่งได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิมก่อนวันที่ 26 ตุลาคม 2563 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าดังกล่าวจะหมดไปจากคลังสินค้า
      • (3) วัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) และอาหารสัตว์ผสม (compound feeds) สำหรับสัตว์ที่ไม่ใช้เป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของสารที่ระบุในภาคผนวก โดยผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 26 ตุลาคม 2565 ซึ่งได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิมก่อนวันที่ 26 ตุลาคม 2563 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าดังกล่าวจะหมดไปจากคลังสินค้า
    3. กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 6 ตุลาคม 2563) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้ https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32020R1396&from=EN
  3. Commission Implementing Regulation (EU) 2020/1399 ว่าด้วย การอนุญาตให้ butylated hydroxyanisole เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์
    1. คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้ butylated hydroxyanisole เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางเทคโนโลยี (technological additives) โดยมีหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ทุกชนิด (ยกเว้นแมว) เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2573 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน
    2. คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดให้ใช้สารเสริมดังกล่าวขั้นสูงสุดที่ปริมาณ 150 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
    3. คณะกรรมาธิการยุโรปอนุโลมช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านดังนี้
      • (1) สารที่ระบุในภาคผนวก รวมทั้งสารผสมล่วงหน้า (premixture) ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 26 เมษายน 2564 ซึ่งได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิมก่อนวันที่ 26 ตุลาคม 2563 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าดังกล่าวจะหมดไปจากคลังสินค้า
      • (2) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) สำหรับสัตว์ที่ใช้เป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของสารที่ระบุในภาคผนวก โดยผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 26 ตุลาคม 2564 ซึ่งได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิมก่อนวันที่ 26 ตุลาคม 2563 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าดังกล่าวจะหมดไปจากคลังสินค้า
      • (3) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) สำหรับสัตว์ที่ไม่ใช้เป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของสารที่ระบุในภาคผนวก โดยผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 26 ตุลาคม 2565 ซึ่งได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิมก่อนวันที่ 26 ตุลาคม 2563 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าดังกล่าวจะหมดไปจากคลังสินค้า
    4. กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 6 ตุลาคม 2563) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้ https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32020R1399&from=EN
  4. Commission Implementing Regulation (EU) 2020/1400 ว่าด้วย การอนุญาตให้ ethyl ester of ß-apo-8’-carotenoic acid เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์
    1. คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้ ethyl ester of ß-apo-8’-carotenoic acid เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางประสาทสัมผัส (sensory additives) โดยมีหน้าที่เป็นสารแต่งสี (colourants) และอนุญาตให้ใช้กับไก่เพื่อขุน สัตว์ปีกวัยเยาว์เพื่อขุน ไก่เพื่อไข่ และสัตว์ปีกวัยเยาว์เพื่อไข่ เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ ไปจนถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2573 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจาก การใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน
    2. คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดการใช้สารเสริมดังกล่าวในระดับต่าง ๆ ดังนี้
      • (1) ไก่เพื่อขุนและสัตว์ปีกวัยเยาว์เพื่อขุน ระดับสูงสุดไม่เกิน 15 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
      • (2) ไก่เพื่อไข่และสัตว์ปีกวัยเยาว์เพื่อไข่ ระดับสูงสุดไม่เกิน 5 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
    3. คณะกรรมาธิการยุโรปอนุโลมช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านดังนี้
      • (1) สารที่ระบุในภาคผนวก รวมทั้งสารผสมล่วงหน้า (premixture) ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 26 เมษายน 2564 ซึ่งได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิมก่อนวันที่ 26 ตุลาคม 2563 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2564
      • (2) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) ที่มีส่วนประกอบของสารที่ระบุในภาคผนวก โดยผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 26 ตุลาคม 2564 ซึ่งได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิมก่อนวันที่ 26 ตุลาคม 2563 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2565
    4. กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 6 ตุลาคม 2563) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้ https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32020R1400&from=EN
  5. Commission Implementing Regulation (EU) 2020/1418 ว่าด้วย การอนุญาตให้ saponified paprika (Capsicum annuum) extract (capsanthin) เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์
    1. คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้ saponified paprika (Capsicum annuum) extract (capsanthin) เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางประสาทสัมผัส (sensory additives) โดยมีหน้าที่เป็นสารแต่งสี (colourants) และอนุญาตให้ใช้กับไก่เพื่อขุน สัตว์ปีกวัยเยาว์เพื่อขุน ไก่เพื่อไข่ และสัตว์ปีกวัยเยาว์เพื่อไข่ เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ ไปจนถึงวันที่ 27 ตุลาคม 2573 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน
    2. คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดการให้สารเสริมดังกล่าวในไก่เพื่อขุน สัตว์ปีกวัยเยาว์เพื่อขุน ไก่เพื่อไข่ และสัตว์ปีกวัยเยาว์เพื่อไข่ ที่ระดับสูงสุดไม่เกิน 40 มิลลิกรัมของ carotenoids รวมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
    3. คณะกรรมาธิการยุโรปอนุโลมช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านดังนี้
      • (1) สารที่ระบุในภาคผนวก รวมทั้งสารผสมล่วงหน้า (premixture) ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 27 เมษายน 2564 ซึ่งได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิมก่อนวันที่ 27 ตุลาคม 2563 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้านั้นจะหมดไปจากคลังสินค้า
      • (2) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) สำหรับสัตว์ที่ใช้เป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของสารที่ระบุในภาคผนวก โดยผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 27 ตุลาคม 2564 ซึ่งได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิมก่อนวันที่ 27 ตุลาคม 2563 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้านั้นจะหมดไปจากคลังสินค้า
    4. กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 8 ตุลาคม 2563) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้ https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32020R1418&from=EN