คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นควรปรับค่าปริมาณตกค้างสูงสุด (MRLs) ของสารปราบศัตรูพืช 8 รายการ ได้แก่ (1) สาร amidosulfuron (2) สาร azoxystrobin (3) สาร hexythiazox (4) สาร isoxaben (5) สาร picloram (6) สาร propamocarb (7) สาร sodium silver thiosulfate และ (8) สาร tefluthrin ในสินค้าพืชและสัตว์ ดังนี้
- สาร azoxystrobin
เห็นควรให้ปรับเพิ่มค่า MRLs ภายใต้ Import tolerance ให้แก่บราซิล ในสินค้าพืช ดังนี้
- เมลอน ที่ระดับ 6 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
- แตงโม ที่ระดับ 6 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
- สาร hexythiazox
เห็นควรให้ปรับเพิ่มค่า MRLs ภายใต้ Import tolerance ให้แก่สหรัฐอเมริกา ในสินค้าพืช ดังนี้
- แบล็คเบอร์รี ที่ระดับ 3 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
- ราสเบอร์รี ที่ระดับ 3 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
- สาร propamocarb
เห็นควรให้ปรับเพิ่มค่า MRLs ในสินค้าพืช ดังนี้
- แรดิช ที่ระดับ 8 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
- ใบแรดิชเล็ก ที่ระดับ 600 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
- ร็อคเก็ตโรมัน/รูโคลา ที่ระดับ 600 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
- สาร picloram
เห็นควรกำหนดค่า MRLs ในสินค้าสัตว์ ดังนี้
- ไขมันสุกรและตับสุกร ที่ระดับ 0,01 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
- ตับวัว ตับแกะ ตับแพะ ที่ระดับ 0,01 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
- ไขมันม้าและตับม้า ที่ระดับ 0,01 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
- ไขมันสัตว์บกอื่นๆ ตับ และอื่น ที่ระดับ 0,01 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
- น้ำผึ้งและผลิตภัณฑ์จากผึ้งอื่นๆ ที่ระดับ 0,05 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
- สาร isoxaben เห็นควรให้ปรับเพิ่มค่า MRLs ในสินค้าพืช ดังนี้
- ถั่วแห้ง (dry beans) ที่ระดับ 0,02 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
- ถั่วลันเตาแห้ง (dry peas) ที่ระดับ 0,02 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
- สาร tefluthrin
เห็นควรให้ปรับเพิ่มค่า MRLs เท่ากับค่า MRLs ในแครอท ในสินค้าพืช ดังนี้
- ฮอร์สแรดิช ที่ระดับ 0,08 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
- อาร์ติโชคเจรูซาเล็ม ที่ระดับ 0,08 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
- พาร์สนิพ ที่ระดับ 0,08 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
- ซัลซิไฟส์ ที่ระดับ 0,08 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
- รากพาร์สเลย์ ที่ระดับ 0,08 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
- สาร amidosulfuron
เห็นควรกำหนด MRLs (จากเดิมเป็นเพียงค่า MRLs ชั่วคราว) ในสินค้าพืช ดังนี้
- ข้าวบาร์เลย์ ที่ระดับ 0,01 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
- ข้าวโอ๊ต ที่ระดับ 0,01 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
- ข้าวไรย์ ที่ระดับ 0,01 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
- ข้าวสาลี ที่ระดับ 0,01 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
- สาร sodium silver thiosulfate กำหนดให้บรรจุในภาคผนวก IV ของ Regulation (EC) No 396/2005
- กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วันหลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 3 กรกฎาคม 2568) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าวสามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จาก QR code
