คณะกรรมาธิการยุโรปประกาศ Commission Regulation (EU) 2022/1923 ว่าด้วย การปรับแก้ภาคผนวก II Regulation (EC) No 1333/2008 เกี่ยวกับการใช้สาร ascorbic acid (E 300) สาร sodium ascorbate (E 301) และสาร calcium ascorbate (E 302) ในปลาทูน่า ใน EU Official Journal L 265/8 ดังนี้
คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นควรปรับแก้ปริมาณการใช้งานสูงสุดของวัตถุเจือปนอาหาร 3 รายการ ได้แก่ สาร ascorbic acid (E 300) สาร sodium ascorbate (E 301) และสาร calcium ascorbate (E 302) ที่อนุญาตให้ใช้ในปลาทูน่า จากเดิมที่อนุญาตให้ใช้สารดังกล่าวในปริมาณที่เหมาะสมเท่าที่จะได้รับผลทางเทคนิคที่ต้องการ (quantum satis) เพื่อเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ช่วยชะลอการเปลี่ยนสีและกลิ่นหืนของเนื้อปลา เห็นควรกำหนดปริมาณการใช้สูงสุดใหม่ ที่ระดับ 300 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ในปลาทูน่าที่ไม่ได้แปรรูป (09.1.1 unprocessed fish, only tuna) และปลาทูน่าแปรรูปและผลิตภัณฑ์ประมงจากทูน่า (09.2 processed fish and fishery products including molluscs and crustaceans, only tuna)
กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วันหลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 11 ตุลาคม 2565) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าวสามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ดังนี้