free page hit counter

สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป

Office of Agricultural Affairs | Royal Thai Embassy, Brussels
HomeRegulationสหภาพยุโรปอนุญาตสารเสริมในอาหารสัตว์

สหภาพยุโรปอนุญาตสารเสริมในอาหารสัตว์

Featured Image by Artem Beliaikin under Pexels license

1. Commission Implementing Regulation (EU) 2022/1442 ว่าด้วย การอนุญาตให้ manganese chelate of amino acids hydrate เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L 227/117 โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้ manganese chelate of amino acids hydrate เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางโภชนาการ (nutritional additives) โดยมีหน้าที่เป็น compound of trace elements และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ทุกชนิด เป็นระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ ไปจนถึงวันที่ 11 กันยายน 2570 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

     2) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดการใช้งานขั้นสูงสุด สำหรับปลา ที่ปริมาณ 100 มิลลิกรัมของสาร (element Mn)/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12) และสำหรับสัตว์อื่นๆ ที่ปริมาณ 150 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

     3) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 1 กันยายน 2565) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32022R1442&from=EN

2. Commission Implementing Regulation (EU) 2022/1445 ว่าด้วย การอนุญาตให้ copper (II) chelate of amino acids hydrate เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L 227/127 โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้สาร copper (II) chelate of amino acids hydrate เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางโภชนาการ (nutritional additives) โดยมีหน้าที่เป็น compound of trace elements และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ทุกชนิด เป็นระยะเวลา 6 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ ไปจนถึงวันที่ 13 สิงหาคม 2571 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

    2) คณะกรรมาธิการยุโรปแนะนำการใช้งานขั้นสูงสุด ในสัตว์ชนิดต่างๆ ดังนี้

         (ก) วัว (ก่อนเคี้ยวเอื้อง) ที่ปริมาณ 15 มิลลิกรัมของสาร (element Cu)/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

         (ข) วัวอื่นๆ ที่ปริมาณ 30 มิลลิกรัมของสาร (element Cu)/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

(ค) แกะ ที่ปริมาณ 15 มิลลิกรัมของสาร (element Cu)/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

         (ง) แพะ ที่ปริมาณ 35 มิลลิกรัมของสาร (element Cu)/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

         (จ) ลูกสุกรยังไม่หย่านมและหย่านมแล้วกว่า 4 สัปดาห์หลังการหย่านม ที่ปริมาณ 150 มิลลิกรัมของสาร (element Cu)/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)                                                                                                                       

         (ฉ) ลูกสุกร ระหว่าง 5 – 8 สัปดาห์หลังการหย่านม ที่ปริมาณ 100 มิลลิกรัมของสาร (element Cu)/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

         (ช) ครัชเตเชียน ที่ปริมาณ 50 มิลลิกรัมของสาร (element Cu)/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

         (ซ) สัตว์อื่นๆ ที่ปริมาณ 25 มิลลิกรัมของสาร (element Cu)/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

    3) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 1 กันยายน 2565) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32022R1445&from=EN

3. Commission Implementing Regulation (EU) 2022/1451 ว่าด้วย การอนุญาตให้น้ำมันหอมระเหยจากการบูร (camphor white essential oil from Cinnamomum camphora (L.) J. Presl.) และทิงเจอร์อบเชย (cinnamon tincture from Cinnamomum verum J. Presl.) เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L 228/10 โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้น้ำมันหอมระเหยจากการบูร (camphor white essential oil from Cinnamomum camphora (L.) J. Presl.) และทิงเจอร์อบเชย (cinnamon tincture from Cinnamomum verum J. Presl.)  เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางประสาทสัมผัส (sensory additives) โดยมีหน้าที่เป็นสารแต่งกลิ่น (flavouring compounds) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ทุกชนิด เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ ไปจนถึงวันที่ 22 กันยายน 2575 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

     2) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดให้ใช้น้ำมันหอมระเหยจากการบูรขั้นสูงสุด เฉพาะในแมว ที่ปริมาณ 22 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

    3) คณะกรรมาธิการยุโรปได้กำหนดมาตรการเปลี่ยนผ่าน ดังนี้

        (ก) น้ำมันหอมระเหยจากการบูร และทิงเจอร์อบเชย รายชื่อปรากฏในภาคผวกและสารผสมล่วงหน้า (premixture) ที่มีส่วนประกอบของน้ำมันหอมระเหยจากการบูร และทิงเจอร์อบเชยดังกล่าวที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 22 มีนาคม 2566 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 22 กันยายน 2565 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

        (ข) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) ที่ใช้สำหรับสัตว์ที่ผลิตเพื่อเป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของน้ำมันหอมระเหยจากการบูร และทิงเจอร์อบเชยดังกล่าว ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 22 กันยายน 2566 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 22 กันยายน 2565 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

        (ค) วัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) และอาหารสัตว์ผสม (compound feeds) ที่ไม่ใช้สำหรับสัตว์ที่ผลิตเพื่อเป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของน้ำมันหอมระเหยจากการบูร และทิงเจอร์อบเชยดังกล่าว ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 22 กันยายน 2567 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 22 กันยายน 2565 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

   4) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 2 กันยายน 2565) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32022R1451&from=EN

                                                                                                          

4. Commission Implementing Regulation (EU) 2022/1452 ว่าด้วย การอนุญาตให้ 3-ethylcyclopentan-1,2-dione, 4-hydroxy-2,5-dimethylfuran-3(2H)-one, 4,5-dihydro-2-methyl furan – 3(2H)-one, eugenol, 1-methoxy-4-(prop-1(trans)-enyl)benzene, α-pentylcinnamal dehyde, α-hexylcinnamaldehyde และ 2-acetylpyridine  เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L 228/17 โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้ 3-ethylcyclopentan-1,2-dione, 4-hydroxy-2,5-dimethylfuran-3(2H)-one, 4,5-dihydro-2-methyl furan – 3(2H)-one, eugenol, 1-methoxy-4-(prop-1(trans)-enyl)benzene, α-pentylcinnamaldehyde, α-hexylcinnamaldehyde และ 2-acetylpyridine เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางประสาทสัมผัส (sensory additives) โดยมีหน้าที่เป็นสารแต่งกลิ่น (flavouring compounds) เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ ไปจนถึงวันที่ 22 กันยายน 2575 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

     2) คณะกรรมาธิการยุโรปอนุญาตการใช้งานสารดังกล่าว ดังนี้

          (ก) อนุญาตให้ใช้ 3-ethylcyclopentan-1,2-dione กับสัตว์ทุกชนิด

          (ข) อนุญาตให้ใช้ 4-hydroxy-2,5-dimethylfuran-3(2H)-one กับสุนัขและแมว

          (ค) อนุญาตให้ใช้ 4,5-dihydro-2-methyl furan – 3(2H)-one กับสุนัขและแมว

          (ง) อนุญาตให้ใช้ eugenol กับสัตว์ทุกชนิด ยกเว้นสัตว์ปีกและปลา

         (จ) อนุญาตให้ใช้ 1-methoxy-4-(prop-1(trans)-enyl)benzene กับสัตว์ทุกชนิด ยกเว้นสัตว์ปีกและปลา

         (ฉ) อนุญาตให้ใช้ α-pentylcinnamaldehyde กับสัตว์ทุกชนิด

         (ช) อนุญาตให้ใช้ α-hexylcinnamaldehyde กับสัตว์ทุกชนิด

          (ซ) อนุญาตให้ใช้ 2-acetylpyridine กับสัตว์ทุกชนิด

    3) คณะกรรมาธิการยุโรปได้กำหนดมาตรการเปลี่ยนผ่าน ดังนี้

        (ก) สารทั้ง 8 รายการที่มีรายชื่อปรากฏในภาคผวกและสารผสมล่วงหน้า (premixture) ที่มีส่วนประกอบของสารดังกล่าวที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 22 มีนาคม 2566 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 22 กันยายน 2565 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

        (ข) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) ที่ใช้สำหรับสัตว์ที่ผลิตเพื่อเป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของสารทั้ง 8 รายการดังกล่าว ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 22 กันยายน 2566 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 22 กันยายน 2565 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

        (ค) วัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) และอาหารสัตว์ผสม (compound feeds) ที่ไม่ใช้สำหรับสัตว์ที่ผลิตเพื่อเป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของสารทั้ง 8 รายการดังกล่าว ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 22 กันยายน 2567 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 22 กันยายน 2565 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

   4) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 2 กันยายน 2565) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32022R1452&from=EN

5. Commission Implementing Regulation (EU) 2022/1453 ว่าด้วย การอนุญาตให้ 6-phytase ที่ผลิตโดย Komagataella pastoris (DSM 23036) เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L 228/30 โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้ 6-phytase ที่ผลิตโดย Komagataella pastoris (DSM 23036) เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่ม zootechnical additives เพื่อช่วยระบบย่อยอาหาร (digestibility enhancers) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ปีกและสุกรทุกชนิด  เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 22 กันยายน 2575 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

    2) คณะกรรมาธิการยุโรปอนุญาตให้ใช้สารเสริมดังกล่าว ดังนี้

        (1) สัตว์ปีกทุกชนิด นอกเหนือจากไก่งวง และสุกรทุกชนิด นอกเหนือจากลูกสุกร ระดับต่ำสุดไม่เกิน 125 OTU หน่วยกิจกรรม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

        (2) ไก่งวง และลูกสุกร ระดับต่ำสุดไม่เกิน 250 OTU  หน่วยกิจกรรม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

    3) คณะกรรมาธิการยุโรปได้กำหนดมาตรการเปลี่ยนผ่าน ดังนี้

        6-phytase ที่ผลิตโดย Komagataella pastoris (DSM 23036) และสารผสมล่วงหน้า (premixture) ที่มีส่วนประกอบของสารดังกล่าวที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 22 กันยายน 2565 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 22 กันยายน 2565 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

    4) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 2 กันยายน 2565) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32022R1453&from=EN

6. Commission Implementing Regulation (EU) 2022/1472 ว่าด้วย การอนุญาตให้ manganese lysinate sulphate เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L 231/116 โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้ manganese lysinate sulphate เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางโภชนาการ (nutritional additives) โดยมีหน้าที่เป็น compound of trace elements และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ทุกชนิด เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ ไปจนถึงวันที่ 26 กันยายน 2575 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

     2) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดการใช้งานขั้นสูงสุด สำหรับสัตว์ทุกชนิด นอกเหนือจากปลา ที่ปริมาณ 150 มิลลิกรัมของสาร (element Mn)/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12) และสำหรับปลา ที่ปริมาณ 100 มิลลิกรัมของสาร (element Mn)/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

     3) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 6 กันยายน 2565) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32022R1472&from=EN