1. Commission Implementing Regulation (EU) 2022/1490 ว่าด้วย การอนุญาตให้น้ำมันหอมระเหยจากเลมอนที่ได้จากการคั้น (expressed lemon essential oil) สิ่งคงเหลือจากน้ำมันเลมอนกลั่นที่ได้จากการคั้น (residual fraction of expressed lemon oil distilled) น้ำมันหอมระเหยเลมอนกลั่น (distilled lemon essential oil) และน้ำมันหอมระเหยไลม์กลั่น (distilled lime essential oil) เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L 234/1 โดยมีรายละเอียดดังนี้
1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้น้ำมันหอมระเหยจากเลมอนที่ได้จากการคั้น (expressed lemon essential oil) สิ่งคงเหลือจากน้ำมันเลมอนกลั่นที่ได้จากการคั้น (residual fraction of expressed lemon oil distilled) น้ำมันหอมระเหยเลมอนกลั่น (distilled lemon essential oil) และน้ำมันหอมระเหยไลม์กลั่น (distilled lime essential oil) เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางประสาทสัมผัส (sensory additives) โดยมีหน้าที่เป็นสารแต่งกลิ่น (flavouring compounds) และอนุญาตให้ใช้กับไก่เพื่อขุน ไก่งวงเพื่อขุน ปลาซัลมอน ไก่ไข่ สุกรเพื่อขุน ลูกสุกร แม่สุกร โคนม ลูกวัว วัวเพื่อขุน วัวนม ม้า เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ ไปจนถึงวันที่ 29 กันยายน 2575 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน
2) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดการใช้งานของน้ำมันหอมระเหยแต่ละประเภท ดังนี้
2.1) อนุญาตให้ใช้น้ำมันหอมระเหยจากเลมอนที่ได้จากการคั้น ขั้นสูงสุดในสัตว์แต่ละประเภท ดังนี้
(1) ไก่เพื่อขุน ที่ปริมาณ 35 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(2) ไก่งวงเพื่อขุน และปลาซัลมอน ที่ปริมาณ 40 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(3) ไก่ไข่ ที่ปริมาณ 52 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(4) สุกรเพื่อขุน ที่ปริมาณ 74 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(5) ลูกสุกร ที่ปริมาณ 62 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(6) แม่สุกร ที่ปริมาณ 92 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(7) ลูกวัว วัวเพื่อขุน และโคนม ที่ปริมาณ 90 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(8) ม้า ที่ปริมาณ 137 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(9) แกะ แพะ และกระต่าย ที่ปริมาณ 30 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
2.2) อนุญาตให้ใช้สิ่งคงเหลือจากน้ำมันเลมอนกลั่นที่ได้จากการคั้น ขั้นสูงสุดในสัตว์แต่ละประเภท ดังนี้
(1) ไก่เพื่อขุน ที่ปริมาณ 11 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(2) ไก่ไข่ ไก่งวงเพื่อขุน กระต่าย และปลาซัลมอน ที่ปริมาณ 12 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(3) สัตว์เคี้ยวเอื้อง ที่ปริมาณ 20 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(4) ลูกสุกร ที่ปริมาณ 20 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(5) สุกรเพื่อขุน ที่ปริมาณ 24 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(6) แม่สุกร ที่ปริมาณ 30 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(7) ม้า ที่ปริมาณ 35 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
2.3) อนุญาตให้ใช้น้ำมันหอมระเหยเลมอนกลั่น ขั้นสูงสุดในสัตว์แต่ละประเภท ดังนี้
(1) ไก่เพื่อขุน ที่ปริมาณ 36 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(2) ไก่ไข่ ที่ปริมาณ 53 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(3) กระต่าย ที่ปริมาณ 56 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(4) ไก่งวงเพื่อขุน ที่ปริมาณ 48 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(5) ลูกสุกร ที่ปริมาณ 64 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(6) สุกรเพื่อขุน ที่ปริมาณ 76 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(7) แม่สุกร ที่ปริมาณ 94 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(8) ลูกวัว วัวพื่อขุน แกะ/แพะ ที่ปริมาณ 95 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(9) ม้า ที่ปริมาณ 141 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(10) วัวนม ที่ปริมาณ 91 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(11) ปลาซัลมอน ปลาสวยงาม และสุนัข ที่ปริมาณ 60 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(12) แมว ที่ปริมาณ 30 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
2.4) อนุญาตให้ใช้น้ำมันหอมระเหยไลม์กลั่น ขั้นสูงสุดในสัตว์แต่ละประเภท ดังนี้
(1) ไก่เพื่อขุน ที่ปริมาณ 8,5 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(2) ไก่ไข่ ที่ปริมาณ 15,5 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(3) ไก่งวงเพื่อขุน ที่ปริมาณ 11 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(4) ลูกสุกร ที่ปริมาณ 15 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(5) สุกรเพื่อขุน ที่ปริมาณ 18 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(6) แม่สุกรกำลังให้นม ที่ปริมาณ 22 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(7) วัวพื่อขุน ที่ปริมาณ 33,5 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(8) วัวนม ที่ปริมาณ 21,5 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(9) แกะ/แพะ และม้า ที่ปริมาณ 33,5 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(10) กระต่าย ที่ปริมาณ 13,5 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
(11) ปลาซัลมอน และปลาสวยงาม ที่ปริมาณ 30 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
3) คณะกรรมาธิการยุโรปได้กำหนดมาตรการเปลี่ยนผ่าน ดังนี้
(ก) น้ำมันหอมระเหยที่มีรายชื่อปรากฏในภาคผวกและสารผสมล่วงหน้า (premixture) ที่มีส่วนประกอบของน้ำมันหอมระเหยดังกล่าวที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2566 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 29 กันยายน 2565 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า
(ข) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) ที่ใช้สำหรับสัตว์ที่ผลิตเพื่อเป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของน้ำมันหอมระเหยดังกล่าว ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 29 กันยายน 2566 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 29 กันยายน 2565 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า
(ค) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) ที่ไม่ใช้สำหรับสัตว์ที่ผลิตเพื่อเป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของน้ำมันหอมระเหยดังกล่าว ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 29 กันยายน 2567 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 29 กันยายน 2565 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า
4) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 9 กันยายน 2565) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้
2. Commission Implementing Regulation (EU) 2022/1525 ว่าด้วย การอนุญาตให้ L-lysine monohydrochloride และ L-lysine sulphate ที่ผลิตโดยการหมักกับ Corynebacterium glutamicum CGMCC 14498 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L 237/12 โดยมีรายละเอียดดังนี้
1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้ L-lysine monohydrochloride และ L-lysine sulphate ที่ผลิตโดยการหมักกับ Corynebacterium glutamicum CGMCC 14498 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางโภชนาการ (nutritional additives) กลุ่มกรดอะมิโน เกลือของกรดอะมิโน และสารที่อยู่กลุ่มเดียวกัน (amino acids, their salts and analogues) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ทุกชนิด เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 4 ตุลาคม 2575 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน
2) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดการใช้งานของ L-lysine sulphate ที่ผลิตโดยการหมักกับ Corynebacterium glutamicum CGMCC 14498 ขั้นสูงสุดในสัตว์ทุกชนิด ที่ปริมาณ 10,000 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
3) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 14 กันยายน 2565) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้ https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32022R1525&from=EN