free page hit counter

สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป

Office of Agricultural Affairs | Royal Thai Embassy, Brussels
HomeRegulationสหภาพยุโรปอนุญาตสารเสริมในอาหารสัตว์

สหภาพยุโรปอนุญาตสารเสริมในอาหารสัตว์

Featured Image by Arisa Chattasa on Unsplash

1. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/261 ว่าด้วย การอนุญาตให้น้ำมันหอมระเหยพริกไทยดำ (black pepper essential oil) และโอลีโอเรซินพริกไทยดำ (black pepper oleoresin) จากพริกไทย (Piper nigrum L.) และสารสกัดวิกฤติยิ่งยวดพริกไทยดำ (black pepper supercritical extract) จากพริกไทย (Piper nigrum L.) เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้น้ำมันหอมระเหยพริกไทยดำ (black pepper essential oil) และโอลีโอเรซินพริกไทยดำ (black pepper oleoresin) จากพริกไทย (Piper nigrum L.) และสารสกัดวิกฤติยิ่งยวดพริกไทยดำ (black pepper supercritical extract) จากพริกไทย (Piper nigrum L.) เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางประสาทสัมผัส (sensory additives) มีหน้าที่เป็นสารแต่งกลิ่น (flavouring compounds) โดยอนุญาตให้ใช้น้ำมันหอมระเหยพริกไทยดำ (black pepper essential oil) และโอลีโอเรซินพริกไทยดำ (black pepper oleoresin) จากพริกไทย (Piper nigrum L.) กับสัตว์ทุกชนิด และอนุญาตให้ใช้สารสกัดวิกฤติยิ่งยวดพริกไทยดำ (black pepper supercritical extract) จากพริกไทย (Piper nigrum L.) กับสุนัขและแมว เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2577 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม

     2) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน ดังนี้

        (ก) น้ำมันหอมระเหยพริกไทยดำ (black pepper essential oil) หรือโอลีโอเรซินพริกไทยดำ (black pepper oleoresin) จากพริกไทย (Piper nigrum L.) หรือสารสกัดวิกฤติยิ่งยวดพริกไทยดำ (black pepper supercritical extract) จากพริกไทย (Piper nigrum L.) และสารผสมล่วงหน้า (premixture) ที่มีส่วนประกอบของสารดังกล่าว ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 7 สิงหาคม 2567 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิมก่อนวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

        (ข) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) ที่ใช้สำหรับสัตว์ที่ผลิตเพื่อเป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของน้ำมันหอมระเหยพริกไทยดำ (black pepper essential oil) หรือโอลีโอเรซินพริกไทยดำ (black pepper oleoresin) จากพริกไทย (Piper nigrum L.) หรือสารสกัดวิกฤติยิ่งยวดพริกไทยดำ (black pepper supercritical extract) จากพริกไทย (Piper nigrum L.) ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

        (ค) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) ที่ไม่ใช้สำหรับสัตว์ที่ผลิตเพื่อเป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของน้ำมันหอมระเหยพริกไทยดำ (black pepper essential oil) หรือโอลีโอเรซินพริกไทยดำ (black pepper oleoresin) จากพริกไทย (Piper nigrum L.) หรือสารสกัดวิกฤติยิ่งยวดพริกไทยดำ (black pepper supercritical extract) จากพริกไทย (Piper nigrum L.)  ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2569 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

    3) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 18 มกราคม 2567) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202400261

2. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/265 ว่าด้วย การอนุญาตให้ Zinc (II)-betaine complex เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้                                                                      

   1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบอนุญาตให้ Zinc (II)-betaine complex เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางโภชนาการ (nutritional additives) เพื่อช่วยเพิ่มแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย (compounds of trace elements)  และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ทุกชนิด ยกเว้นสัตว์น้ำเพาะเลี้ยงในระบบเพาะเลี้ยงในทะเล เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2577 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

     2) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดการใช้สารเสริมที่ระดับสูงสุดในสัตว์ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

         – สุนัข แมว ระดับสูงสุดไม่เกิน 200 ของแร่ธาตุ (Zn) มิลลิกรัม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

         – ลูกสุกร แม่สุกร กระต่าย ปลาเพาะเลี้ยงในฟาร์มบนบก นอกเหนือจากปลาซัลมอน ระดับสูงสุดไม่เกิน 150 ของแร่ธาตุ (Zn) มิลลิกรัม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

         – ลูกวัว ปลาซัลมอนที่เพาะเลี้ยงในฟาร์มบนบก ระดับสูงสุดไม่เกิน 180 ของแร่ธาตุ (Zn) มิลลิกรัม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

          – สัตว์อื่นๆ ยกเว้นสัตว์น้ำเพาะเลี้ยงในระบบเพาะเลี้ยงในทะเล ระดับสูงสุดไม่เกิน 120 ของแร่ธาตุ (Zn) มิลลิกรัม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

    3) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 18 มกราคม 2567) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202400265

3. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/285 ว่าด้วย การอนุญาตให้ทิงเจอร์รากไทกา (taiga root tincture) เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้ทิงเจอร์รากไทกา (taiga root tincture) เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางประสาทสัมผัส (sensory additives) มีหน้าที่เป็นสารแต่งกลิ่น (flavouring compounds) และอนุญาตให้ใช้กับสุนัข แมว และม้า เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2577 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม

     2) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดการใช้สารเสริมที่ระดับสูงสุดในสัตว์ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

         – สุนัข ระดับสูงสุดไม่เกิน 460 มิลลิกรัม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

          – แมว ระดับสูงสุดไม่เกิน 489 มิลลิกรัม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

          – ม้า ระดับสูงสุดไม่เกิน 140 มิลลิกรัม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

     3) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน ดังนี้

        (ก) ทิงเจอร์รากไทกา (taiga root tincture) และสารผสมล่วงหน้า (premixture) ที่มีส่วนประกอบของสารดังกล่าว ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 7 สิงหาคม ๒๕67 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิมก่อนวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

        (ข) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) ที่ใช้สำหรับสัตว์ที่ผลิตเพื่อเป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของทิงเจอร์รากไทกา (taiga root tincture)  ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

        (ค) อาหารสัตว์ผสม  (compound feeds)  และวัตถุดิบอาหารสัตว์  (feed materials)  ที่ไม่ใช้สำหรับสัตว์ที่ผลิตเพื่อเป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของทิงเจอร์รากไทกา (taiga root tincture)  ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2569 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

    4) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 18 มกราคม 2567) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202400285