free page hit counter

สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป

Office of Agricultural Affairs | Royal Thai Embassy, Brussels
HomeRegulationสหภาพยุโรปต่ออนุญาตสารเสริมในอาหารสัตว์

สหภาพยุโรปต่ออนุญาตสารเสริมในอาหารสัตว์

Featured Image by Vinicius Pontes under Pexels license
  1. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/1058 ว่าด้วย การต่ออนุญาตให้ preparation of endo-1,4-beta-xylanase ที่ผลิตโดย Aspergillus oryzae DSM 33700 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้

คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบต่อการอนุญาตให้  preparation of endo-1,4-beta-xylanase ที่ผลิตโดย Aspergillus oryzae DSM 33700 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมเฉพาะทางสำหรับสัตว์ (zootechnical additives) เพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการย่อยอาหาร (digestibility enhancers) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ปีกทุกชนิดเพื่อขุน เพื่อไข่ และนกสวยงาม เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 1 พฤษภาคม 2577 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดการใช้สารเสริมที่ระดับต่ำสุด ดังนี้

          – สัตว์ปีกทุกชนิด ที่ระดับต่ำสุดไม่เกิน 100 FXUหน่วยกิจกรรม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

          – สุกรทุกชนิด ที่ระดับต่ำสุดไม่เกิน 200 FXUหน่วยกิจกรรม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

    คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน ดังนี้

             (ก) preparation of endo-1,4-beta-xylanase ที่ผลิตโดย Aspergillus oryzae DSM 33700 และสารผสมล่วงหน้า (premixture) ที่มีส่วนประกอบของสารดังกล่าวสำหรับใช้ในอาหารสัตว์ของสัตวปีกเพื่อขุน ลูกสุกรหย่านม สุกรเพื่อขุน แม่สุกรระยะให้นม และไก่เพื่อไข่ ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิมก่อนวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า 

            (ข) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) ที่มีส่วนประกอบของ preparation of endo-1,4-beta-xylanase ที่ผลิตโดย Aspergillus oryzae DSM 33700 สำหรับใช้กับ สัตวปีกเพื่อขุน ลูกสุกรหย่านม สุกรเพื่อขุน แม่สุกรระยะให้นม และไก่เพื่อไข่ ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 1 พฤษภาคม  2568  โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิมก่อนวันที่  1 พฤษภาคม 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

    กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 11 เมษายน 2567) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

    https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202401058

    2. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/1070 ว่าด้วย การต่ออนุญาตให้ preparation of 25-hydroxycholecalciferol ที่ผลิตโดย Saccharomyces cerevisiae CBS 146008 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้

    คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบต่อการอนุญาตให้ preparation of 25-hydroxycholecalciferol ที่ผลิตโดย Saccharomyces cerevisiae CBS 146008  เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางโภชนาการ (nutritional additives) โดยมีหน้าที่เป็นวิตามิน โปรวิตามิน และสารเคมีที่มีผลคล้ายคลึง (vitamins, pro-vitamins and chemically well-defined substances having similar effect) และอนุญาตให้ใช้กับไก่-ไก่งวงเพื่อขุน สัตว์ปีกอื่นๆ สุกร วัว-แกะ และสัตว์เคี้ยวเอื้องอื่นๆ นอกเหนือจากวัว-แกะ เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 5 พฤษภาคม 2577 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

    คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดการใช้สารเสริมที่ระดับสูงสุด ดังนี้

            – ไก่-ไก่งวงเพื่อขุน ที่ระดับสูงสุดไม่เกิน 0,100 มิลลิกรัม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

            – สัตว์ปีกอื่นๆ ที่ระดับสูงสุดไม่เกิน 0,080 มิลลิกรัม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

            – สุกร ที่ระดับสูงสุดไม่เกิน 0,050 มิลลิกรัม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

            – วัว-แกะ ที่ระดับสูงสุดไม่เกิน 0,100 มิลลิกรัม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

            –  สัตว์เคี้ยวเอื้องอื่นๆ นอกเหนือจากวัว-แกะ ที่ระดับสูงสุดไม่เกิน 0,050 มิลลิกรัม/กิโลกรัมของ

      อาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

      กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 15 เมษายน 2567) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

      https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202401070

      3. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/1161 ว่าด้วย การต่ออนุญาตให้ preparation of Enterococcus lactis NCIMB 10415 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้

      คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบต่อการอนุญาตให้  preparation of Enterococcus lactis NCIMB 10415 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมเฉพาะทางสำหรับสัตว์ (zootechnical additives) เพื่อช่วยควบคุมเชื้อในกระเพาะ (gut flora stabilisers) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ปีกทุกชนิดเพื่อขุน เพื่อไข่ เพื่อเพาะพันธุ์ นกสวยงาม แม่สุกร ลูกสุกรไม่หย่านม ลูกวัว ลูกแพะ ลูกแกะ สัตว์เคี้ยวเอื้องวัยเยาว์เพื่อเลี้ยงและเพื่อขุน ลูกสุกรหย่านม และสุกรเพื่อขุนทุกชนิด เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 13 พฤษภาคม 2577 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

      คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดการใช้สารเสริมที่ระดับต่ำสุด ดังนี้

                  – สัตว์ปีกทุกชนิดเพื่อขุน เพื่อไข่ เพื่อเพาะพันธุ์ และนกสวยงาม ระดับต่ำสุดที่ปริมาณ 3 x 108 CFU/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12) และ 1,5  x 108 CFU/ลิตร น้ำดื่มของสัตว์

                 – แม่สุกร ระดับต่ำสุดที่ปริมาณ 7 x 108 CFU/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12) และ 3,5  x 108 CFU/ลิตร น้ำดื่มของสัตว์

                 – ลูกสุกรไม่หย่านม ลูกวัว ลูกแพะ ลูกแกะ สัตว์เคี้ยวเอื้องวัยเยาว์เพื่อเลี้ยงและเพื่อขุน ระดับต่ำสุดที่ปริมาณ 1 x 109 CFU/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12) และ 0,5  x 109 CFU/ลิตร น้ำดื่มของสัตว์

                 – ลูกสุกรหย่านม และสุกรเพื่อขุนทุกชนิด ระดับต่ำสุดที่ปริมาณ 3,5 x 108 CFU/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12) และ   x 108 CFU/ลิตร น้ำดื่มของสัตว์

        คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน ดังนี้

                 (ก) preparation of Enterococcus lactis NCIMB 10415 ในรูป micro-encapsulated และ micro-encapsulated ที่มี shellac และสารผสมล่วงหน้า (premixture) ที่มีส่วนประกอบของสารในรูปดังกล่าวสำหรับใช้ในอาหารสัตว์ของไก่เพื่อขุนและเลี้ยงเพื่อไข่ สัตว์ปีกวัยเยาว์เพื่อขุนและเลี้ยงเพื่อไข่ รวมถึง preparation of Enterococcus lactis NCIMB 10415 ในรูป micro-encapsulated, micro-encapsulated ที่มี shellac และ non-coated granulated form และสารผสมล่วงหน้า (premixture) ที่มีส่วนประกอบของสารในรูปดังกล่าวสำหรับใช้ในอาหารสัตว์ของลูกวัวเพื่อเลี้ยงและเพื่อขุน ลูกแพะเพื่อเลี้ยงและเพื่อขุน แม่สุกร ลูกสุกรไม่หย่านม ลูกสุกรหย่านม และสุกรเพื่อขุน  ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิมก่อนวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า 

                (ข) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) ที่มีส่วนประกอบของ preparation of Enterococcus lactis NCIMB 10415 ในรูป micro-encapsulated และ micro-encapsulated ที่มี shellac และสารผสมล่วงหน้า (premixture) ที่มีส่วนประกอบของสารในรูปดังกล่าวสำหรับใช้กับไก่เพื่อขุนและเพื่อไข่ และสัตว์ปีกวัยเยาว์เพื่อขุนและเลี้ยงเพื่อไข่ รวมถึง preparation of Enterococcus lactis NCIMB 10415 ในรูป micro-encapsulated, micro-encapsulated ที่มี shellac และ non-coated granulated form สำหรับใช้ในอาหารสัตว์ของลูกวัวเพื่อเลี้ยงและเพื่อขุน ลูกแพะเพื่อเลี้ยงและเพื่อขุน แม่สุกร ลูกสุกรไม่หย่านม ลูกสุกรหย่านม และสุกรเพื่อขุน  ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิมก่อนวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า 

        กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 23 เมษายน 2567) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

        https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202401161

        4. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/1179 ว่าด้วย การต่ออนุญาตให้ preparation of Lactiplantibacillus plantarum DSM 3676, Lactiplantibacillus plantarum DSM 3677 และ Lentilactobacillus buchneri DSM 13573 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้

        คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบต่อการอนุญาตให้  preparation of Lactiplantibacillus plantarum DSM 3676, Lactiplantibacillus plantarum DSM 3677 และ Lentilactobacillus buchneri DSM 13573 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางเทคโนโลยี (technological additives) โดยมีหน้าที่เป็นสารเร่งปฏิกริยาในหญ้าหมัก (silage additives) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ทุกชนิด เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 13 พฤษภาคม 2577 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

          คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน ดังนี้

           preparation of Lactiplantibacillus plantarum DSM 3676, Lactiplantibacillus plantarum DSM 3677 และ Lentilactobacillus buchneri DSM 13573 และอาหารสัตว์ที่มีส่วนประกอบของสารดังกล่าวที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 13 มีนาคม 2568 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

          กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 24 เมษายน 2567) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

          https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202401179

          5. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/1200 ว่าด้วย การต่ออนุญาตให้ preparation of Bifidobacterium animalis ssp. animalis DSM 16284, Ligilactobacillus salivarius DSM 16351 และ Enterococcus faecium DSM 21913 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้

          คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบต่อการอนุญาตให้ preparation of Bifidobacterium animalis ssp. animalisDSM 16284, Ligilactobacillus salivarius DSM 16351 และ Enterococcus faecium DSM 21913 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมเฉพาะทางสำหรับสัตว์ (zootechnical additives) เพื่อช่วยควบคุมเชื้อในกระเพาะ (gut flora stabilisers) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ปีกทุกชนิดเพื่อขุน เพื่อไข่ และเพื่อเพาะพันธุ์ เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 12 พฤษภาคม 2577 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

          คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดให้ใช้สารเสริมดังกล่าว ระดับต่ำสุดที่ปริมาณ 1 x 108 CFU/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12) และ 5  x 107 CFU/ลิตร น้ำดื่มของสัตว์

          คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน ดังนี้

          • preparation of Bifidobacterium animalis ssp. animalisDSM 16284, Ligilactobacillus salivariusDSM 16351 และ Enterococcus faecium DSM 21913 และสารผสมล่วงหน้า (premixture) ที่มีส่วนประกอบของสารดังกล่าวสำหรับใช้ในอาหารสัตว์และน้ำดื่มสำหรับไก่เพื่อขุน ไก่เลี้ยงเพื่อไข่ และสัตว์ปีกวัยเยาว์เพื่อขุน เลี้ยงเพื่อไข่ หรือเพื่อเพาะพันธุ์ทุกชนิดที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิมก่อนวันที่ 12 พฤษภาคม 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า                                                                                                       
            • อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) ที่มีส่วนประกอบของ preparation of Bifidobacterium animalis ssp. animalis DSM 16284, Ligilactobacillus salivarius DSM 16351 และ Enterococcus faecium DSM 21913 สำหรับใช้กับไก่เพื่อขุน ไก่เลี้ยงเพื่อไข่ และสัตว์ปีกวัยเยาว์เพื่อขุน เลี้ยงเพื่อไข่ หรือเพื่อเพาะพันธุ์ทุกชนิดที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 12 พฤษภาคม 2568 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิมก่อนวันที่ 12 พฤษภาคม 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

            กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 22 เมษายน 2567) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

            https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202401200