free page hit counter

สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป

Office of Agricultural Affairs | Royal Thai Embassy, Brussels
HomeRegulationสหภาพยุโรปอนุญาตสารเสริมในอาหารสัตว์

สหภาพยุโรปอนุญาตสารเสริมในอาหารสัตว์

1. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/1054 ว่าด้วย การอนุญาตให้ preparation of Weizmannia faecalis DSM 32016 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้ preparation of Weizmannia faecalis DSM 32016 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมเฉพาะทางสำหรับสัตว์ (zootechnical additives) เพื่อช่วยควบคุมเชื้อในกระเพาะ (gut flora stabilisers) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ปีกเลี้ยงเพื่อไข่ทุกชนิด เพื่อเพาะพันธุ์ และเพื่อขุน ลูกสุกรยังไม่หย่านม ลูกสุกรหย่านม และนกสวยงาม เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 1 พฤษภาคม 2577 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

    2) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดให้ใช้สารเสริมดังกล่าว ระดับต่ำสุดที่ปริมาณ 1 x 109 CFU/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12) และ 5  x 108 CFU/ลิตร น้ำดื่มของสัตว์

    3) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน ดังนี้

        (ก) preparation of Weizmannia faecalis DSM 32016 และสารผสมล่วงหน้า (premixture) ที่มีส่วนประกอบของสารดังกล่าวสำหรับใช้ในอาหารสัตว์ของลูกสุกรยังไม่หย่านม ลูกสุกรหย่านม สัตว์ปีกเพื่อขุน และนกสวยงาม ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายน ๒๕67 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิมก่อนวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า 

        (ข) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) ที่มีส่วนประกอบของ preparation of Weizmannia faecalis DSM 32016 สำหรับใช้กับลูกสุกรยังไม่หย่านม ลูกสุกรหย่านม สัตว์ปีกเพื่อขุน และนกสวยงาม ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิมก่อนวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

    4) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 11 เมษายน 2567) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202401054

2. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/1055 ว่าด้วย การอนุญาตให้ iron(II)-betaine complex เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบอนุญาตให้ iron(II)-betaine เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางโภชนาการ (nutritional additives) เพื่อช่วยเพิ่มแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย (compounds of trace elements)  และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ทุกชนิด เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 1 พฤษภาคม 2577 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

     2) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดการใช้สารเสริมที่ระดับสูงสุดในสัตว์ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

         – แกะ ระดับสูงสุดไม่เกิน 500 มิลลิกรัมของแร่ธาตุ (Fe)/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12) หรือ มิลลิกรัมของแร่ธาตุ (Fe)/วัน

         – วัว ระดับสูงสุดไม่เกิน 450 มิลลิกรัมของแร่ธาตุ (Fe)/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12) หรือ มิลลิกรัมของแร่ธาตุ (Fe)/วัน                                                                                                               

         – ลูกสุกร ระดับสูงสุดไม่เกิน 250 มิลลิกรัมของแร่ธาตุ (Fe)/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12) หรือ มิลลิกรัมของแร่ธาตุ (Fe)/วัน

         – สัตว์ปีก ระดับสูงสุดไม่เกิน 450 มิลลิกรัมของแร่ธาตุ (Fe)/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12) หรือ มิลลิกรัมของแร่ธาตุ (Fe)/วัน

         – สุนัข-แมว (สัตว์เลี้ยง) ระดับสูงสุดไม่เกิน 600 มิลลิกรัมของแร่ธาตุ (Fe)/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12) หรือ มิลลิกรัมของแร่ธาตุ (Fe)/วัน

         – สัตว์อื่นๆ ระดับสูงสุดไม่เกิน 750 มิลลิกรัมของแร่ธาตุ (Fe)/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12) หรือ มิลลิกรัมของแร่ธาตุ (Fe)/วัน

    3) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 11 เมษายน 2567) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202401055

3. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/1056 ว่าด้วย การอนุญาตให้ riboflavin 5’-phosphate monosodium salt (vitamin B2) ที่ผลิตโดย Bacillus subtilis KCCM 10445เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบอนุญาตให้ riboflavin 5’-phosphate monosodium salt (vitamin B2) ที่ผลิตโดย Bacillus subtilis KCCM 10445เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางโภชนาการ (nutritional additives) โดยมีหน้าที่เป็นวิตามิน โปรวิตามิน และสารเคมีที่มีผลคล้ายคลึง (vitamins, pro-vitamins and chemically well-defined substances having similar effect) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ทุกชนิด เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 1 พฤษภาคม 2577 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

    2) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 11 กันยายน 2566) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202401056

4. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/1057 ว่าด้วย การอนุญาตให้ preparation of 6-phytase ที่ผลิตโดย Komagataella phaffii CGMCC 7.19 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบอนุญาตให้ preparation of 6-phytase ที่ผลิตโดย Komagataella phaffii CGMCC 7.19 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมเฉพาะทางสำหรับสัตว์ (zootechnical additives) เพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการย่อยอาหาร (digestibility enhancers) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ปีกทุกชนิดเพื่อขุน เพื่อไข่ และนกสวยงาม เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 1 พฤษภาคม 2577 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

     2) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดการใช้สารเสริมในสัตว์ปีกเพื่อขุน เพื่อไข่ และนกสวยงาม ที่ระดับต่ำสุดไม่เกิน 500 FTUหน่วยกิจกรรม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

    3) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 11 เมษายน 2567) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202401057

5. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/1068 ว่าด้วย การอนุญาตให้ preparation of rosemary extract เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบอนุญาตให้ preparation of rosemary extract เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางเทคโนโลยี (technological additives) เพื่อช่วยต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) และอนุญาตให้ใช้กับสุนัขและแมว เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 5 พฤษภาคม 2577 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

     2) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดการใช้สารเสริมที่ระดับสูงสุดในสัตว์ ดังนี้

          2.1) แมว ระดับสูงสุดไม่เกิน 5 มิลลิกรัม (carnosic acid)/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

         2.2) สุนัข ระดับสูงสุดไม่เกิน 34 มิลลิกรัม (carnosic acid)/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

    3) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 15 เมษายน 2567) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202401068

6. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/1104 ว่าด้วย การอนุญาตให้ preparation of Lactiplantibacillus plantarum DSM 11520 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบอนุญาตให้ preparation of Lactiplantibacillus plantarum DSM 11520 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางเทคโนโลยี (technological additives) เพื่อช่วยควบคุมความเป็นกรด (acidity regulator) และอนุญาตให้ใช้กับม้า สุนัข แมว และกระต่าย เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 1 พฤษภาคม 2577 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน  ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

     2) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดการใช้สารเสริมที่ระดับต่ำสุดในสัตว์ที่ 8,0 × 1010 CFU/กิโลกรัมของอาหารสัตว์

    3) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 18 เมษายน 2567) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202401104

7. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/1199 ว่าด้วย การอนุญาตให้ manganese(II)-betaine complex เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบอนุญาตให้  manganese(II)-betaine complex เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางโภชนาการ (nutritional additives) เพื่อช่วยเพิ่มแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย (compounds of trace elements)  และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ทุกชนิด เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 12 พฤษภาคม 2577 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

     2) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดการใช้สารเสริมที่ระดับสูงสุดในสัตว์ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

         – ปลา ระดับสูงสุดไม่เกิน 100 มิลลิกรัมของแร่ธาตุ (Mn)/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

         – สัตว์อื่นๆ ระดับสูงสุดไม่เกิน 150 มิลลิกรัมของแร่ธาตุ (Mn)/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

    3) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 22 เมษายน 2567) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202401199