สหภาพยุโรปอนุญาตให้สารสกัดเอทานอลละลายในน้ำจากว่านนางตัด (aqueous ethanolic extract of Labisia pumila) ขึ้นทะเบียนเป็นอาหารใหม่ (Novel food) 

    คณะกรรมาธิการยุโรปประกาศ Commission Implementing Regulation (EU) 2023/972 ว่าด้วย การอนุญาตให้วางจำหน่ายสารสกัดเอทานอลละลายในน้ำจากว่านนางตัด (aqueous ethanolic extract of Labisia pumila)  เป็นอาหารใหม่ (novel food) ภายใต้ Regulation (EU) 2015/2283 ซึ่งเป็นการปรับแก้ Commission Implementing Regulation (EU) 2017/2470 ใน EU Official Journal L 132/46 โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2562 บริษัท Medika Natura Sdn. Bhd. ของมาเลเซียได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมาธิการยุโรปเพื่อขอขึ้นทะเบียนสารสกัดเอทานอลละลายในน้ำจากว่านนางตัด (aqueous ethanolic extract of Labisia pumila) เป็นอาหารใหม่ภายใต้ Regulation (EU) 2015/2283 มาตรา 10(1)
2. เนื่องจากหน่วยงานความปลอดภัยอาหารประจำสหภาพยุโรป  (EFSA)   เห็นว่า สารสกัดเอทานอลละลายในน้ำจากว่านนางตัด (aqueous ethanolic extract of Labisia pumila) มีความปลอดภัยต่อการบริโภค และเป็นไปตามข้อกำหนดของ Regulation (EU) 2015/2283 ว่าด้วย อาหารใหม่ คณะกรรมาธิการยุโรปจึงเห็นชอบอนุญาตให้สารสกัดเอทานอลละลายในน้ำจากว่านนางตัด (aqueous ethanolic extract of Labisia pumila) ขึ้นทะเบียนเป็นอาหารใหม่ โดยให้บรรจุอยู่ใน Commission Implementing Regulation (EU) 2017/ 2470 โดยอนุญาตให้ใช้ในอาหารเสริม (สำหรับผู้ใหญ่ ยกเว้นหญิงมีครรภ์และมารดาที่ให้นมบุตร) โดยกำหนดสัดส่วนการบริโภคสูงสุด (Maximum levels) ไม่เกิน 350 มิลลิกรัม/วัน 
3. คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดให้สินค้าที่มีส่วนผสมของสารสกัดเอทานอลละลายในน้ำจากว่านนางตัด (aqueous ethanolic extract of Labisia pumila) ต้องติดฉลากโดยระบุว่า  ‘สำหรับบุคคลที่มีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป ยกเว้นหญิงมีครรภ์และมารดาที่ให้นมบุตร’
4. การขึ้นทะเบียนสารสกัดเอทานอลละลายในน้ำจากว่านนางตัด (aqueous ethanolic extract of Labisia pumila)  เป็นอาหารใหม่เพื่อการบริโภค ให้แก่บริษัทผู้ยื่นคำร้อง Medika Natura Sdn. Bhd. ของมาเลเซีย ในครั้งนี้  ไม่ได้ถือเป็นการกีดกันให้ผู้ยื่นคำร้องรายอื่น ๆ ไม่สามารถขอขึ้นทะเบียนสินค้าชนิดเดียวกันได้ หากข้อมูลที่ใช้ประกอบการยื่นคำร้องมีความถูกต้อง/ครบถ้วนเป็นไปตามกฎระเบียบ แม้ว่า บริษัท Medika Natura Sdn. Bhd. จะได้ยื่นขอการปกป้องข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ เป็นเวลา 5 ปี จนถึงวันที่ 6 มิถุนายน 2571
5. กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 17 พฤษภาคม 2566) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้