free page hit counter

สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป

Office of Agricultural Affairs | Royal Thai Embassy, Brussels
HomeRegulationสหภาพยุโรปปรับข้อกำหนดในการยื่นคำร้องเพื่อขอขึ้นทะเบียนอาหารพื้นเมือง

สหภาพยุโรปปรับข้อกำหนดในการยื่นคำร้องเพื่อขอขึ้นทะเบียนอาหารพื้นเมือง

Featured Image by Louis Hansel on Unsplash

คณะกรรมาธิการยุโรปประกาศ Commission Implementing Regulation (EU) 2020/1824 ว่าด้วยการปรับข้อกำหนดด้านการบริหารจัดการ และทางวิทยาศาสตร์ในการยื่นคำร้องเพื่อขอขึ้นทะเบียนอาหารพื้นบ้าน (Traditional foods) จากประเทศที่สาม โดยเป็นการปรับแก้ Commission Implementing Regulation (EU) 2017/2468 ใน EU Official Journal L 406/51 โดยมีรายละเอียดดังนี้

  1. แก้ไขมาตรา 3 ดังนี้
    1. วรรคที่ 1. ให้แก้ไขเป็น
      • “1. การยื่นคำร้องเพื่อแจ้งเรื่อง (notification) จะต้องประกอบไปด้วย
        1. หนังสือนำ
        2. เอกสารเชิงเทคนิค
        3. ข้อมูลโดยสรุปของเอกสารเชิงเทคนิค
      • ก่อนที่จะปรับใช้รูปแบบข้อมูลมาตรฐานตาม Regulation (EC) No 178/2002 มาตรา 39f กำหนดให้คำร้องจะต้องจัดส่งผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่จัดทำโดยคณะกรรมาธิการยุโรป เพื่อวัตถุประสงค์ของการดาวน์โหลด สั่งพิมพ์ และค้นหา หลังจากการปรับใช้รูปแบบข้อมูลมาตรฐานตาม Regulation (EC) No 178/2002 มาตรา 39f ให้ทำการจัดส่งคำร้องผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่จัดทำโดยคณะกรรมาธิการยุโรปต่อไป”
    2. วรรคที่ 5 ให้แก้ไขเป็น
      • “5. ข้อมูลโดยสรุปของเอกสารเชิงเทคนิคที่อ้างถึงในข้อ 1(c) ต้องระบุถึงหลักฐานว่า การใช้อาหารพื้นบ้านจากประเทศที่สามเป็นไปตามเงื่อนที่ระบุไว้ใน Regulation (EU) 2015/2283 มาตรา 7 ซึ่งข้อมูลโดยสรุปจะต้องไม่มีข้อมูลที่มีการร้องขอเพื่อให้เก็บเป็นความลับตาม Regulation (EU) 2015/2283 มาตรา 23 และ Regulation (EC) No 178/2002 มาตรา 39a”
  2. แก้ไขมาตรา 4 ดังนี้
    1. วรรคที่ 1. ให้แก้ไขเป็น
      • “1. การยื่นคำร้อง (application) จะต้องประกอบไปด้วย
        1. หนังสือนำ
        2. เอกสารเชิงเทคนิค
        3. ข้อมูลโดยสรุปของเอกสารเชิงเทคนิค
        4. ข้อโต้แย้งด้านความปลอดภัยที่สมเหตุสมผลตาม Regulation (EU) 2015/2283 มาตรา 15(2)
        5. ข้อชี้แจงของผู้ยื่นคำร้องต่อข้อโต้แย้งด้านความปลอดภัยดังกล่าว
      • ก่อนที่จะปรับใช้รูปแบบข้อมูลมาตรฐานตาม Regulation (EC) No 178/2002 มาตรา39f กำหนดให้คำร้องจะต้องจัดส่งผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่จัดทำโดยคณะกรรมาธิการยุโรป เพื่อวัตถุประสงค์ของการดาวน์โหลด สั่งพิมพ์ และค้นหา หลังจากการปรับใช้รูปแบบข้อมูลมาตรฐานตาม Regulation (EC) No 178/2002 มาตรา 39f ให้ทำการจัดส่งคำร้องผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่จัดทำโดยคณะกรรมาธิการยุโรปต่อไป”
    2. วรรคที่ 5 ให้แก้ไขเป็น
      • “5. ข้อมูลโดยสรุปของเอกสารเชิงเทคนิคที่อ้างถึงในข้อ 1(c) ต้องระบุถึงหลักฐานว่า การใช้อาหารพื้นบ้านจากประเทศที่สามเป็นไปตามเงื่อนที่ระบุไว้ใน Regulation (EU) 2015/2283 มาตรา 7 ซึ่งข้อมูลโดยสรุปจะต้องไม่มีข้อมูลที่มีการร้องขอเพื่อให้เก็บให้เป็นความลับตาม Regulation (EU) 2015/2283 มาตรา 23 และ Regulation (EC) No 178/2002 มาตรา 39a”
    3. แก้ไขมาตรา 5 ดังนี้
      1. ข้อ (e) ให้แก้ไขเป็น
        • “(e) ในกรณีที่ผู้ยื่นคำร้องตาม Regulation (EU) 2015/2283 มาตรา 23 ขอให้มีการเก็บรักษาข้อมูลบางส่วนเป็นความลับ (รวมถึงข้อมูลเพิ่มเติม) กำหนดให้จัดทำรายการส่วนที่จะต้องเก็บเป็นความลับ รวมทั้งข้อมูลเหตุผลที่สามารถแสดงให้เห็นว่า การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อผู้ยื่นคำร้อง”
      2. ข้อ (f) ให้เพิ่ม
        • “(f) รายการเอกสารศึกษาที่ส่งมอบเพื่อสนับสนุนการยื่นคำร้องการแจ้งเรื่องหรือการขอขึ้นทะเบียน โดยจะต้องประกอบไปด้วยข้อมูลที่แสดงถึงการปฏิบัติตาม Regulation (EC) No 178/2002 มาตรา 32b”
    4. แก้ไขมาตรา 7 ดังนี้
      • “มาตรา 7 การตรวจสอบความถูกต้องของคำร้องการแจ้งเรื่อง (notification)
        1. หลังจากที่ได้รับคำร้องการแจ้งเรื่องฯ จากประเทศที่สาม คณะกรรมาธิการยุโรปจะต้องดำเนินการตรวจสอบอย่างทันท่วงทีว่า อาหารดังกล่าวเป็นไปตาม Regulation (EU) 2015/2283, Regulation (EU) 2017/2468 มาตรา 3 มาตรา 5 และมาตรา 6 และ Regulation (EC) No 178/2002 มาตรา 32b หรือไม่
        2. คณะกรรมาธิการยุโรปสามารถปรึกษาประเทศสมาชิกฯ และ EFSA ถึงคำร้องฯ ว่า เป็นไปตามข้อกำหนดในข้อ (1) หรือไม่ โดยประเทศสมาชิกฯ และ EFSA จะต้องให้ข้อคิดเห็นภายในเวลา 30 วันทำการ
        3. คณะกรรมาธิการยุโรปสามารถร้องขอข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ยื่นคำร้อง เพื่อให้คำร้องฯ มีความถูกต้อง ครบถ้วน โดยจะต้องแจ้งให้ผู้ยื่นคำร้องทราบถึงกรอบระยะเวลาในการส่งมอบข้อมูลดังกล่าว
        4. กรณีการยกเว้นการปฏิบัติตามข้อ (1) โดยไม่เป็นการตัดสิทธิต่อ Regulation (EU) 2015/2283 มาตรา 14 และ Regulation (EC) No 178/2002 มาตรา 32b(4) และ (5) ให้คำร้องสามารถได้รับการพิจารณาว่าถูกต้อง แม้ว่าจะไม่มีองค์ประกอบตาม Regulation (EU) 2017/2468 มาตรา 3 มาตรา 5 และมาตรา 6 หากผู้ยื่นคำร้องสามารถนำส่งข้อมูลที่สอดคล้องกับข้อมูลที่ขาดหายได้
        5. คณะกรรมาธิการยุโรปจะแจ้งให้ผู้ยื่นคำร้อง ประเทศสมาชิกฯ และ EFSA ทราบถึงผลการพิจารณา ในกรณีที่คำร้องการแจ้งเรื่องไม่ถูกต้อง คณะกรรมาธิการยุโรปจะต้องแจ้งเหตุผล/ข้อมูลต่าง ๆ ที่ตรวจพบ”
    5. แก้ไขมาตรา 8 ดังนี้
      • “มาตรา 8 การตรวจสอบความถูกต้องของคำร้อง (application)
        1. หลังจากที่ได้รับคำร้องฯ จากประเทศที่สาม คณะกรรมาธิการยุโรปจะดำเนินการตรวจสอบอย่างทันท่วงทีว่า คำร้องดังกล่าวเป็นไปตาม Regulation (EU) 2017/2468 มาตรา 4 – มาตรา 6 และตาม Regulation (EC) No 178/2002 มาตรา 32b หรือไม่
        2. คณะกรรมาธิการยุโรปสามารถปรึกษา EFSA ถึงคำร้องฯ ว่า เป็นไปตามข้อกำหนดในข้อ (1) หรือไม่ โดย EFSA จะต้องให้ข้อคิดเห็นภายในเวลา 30 วันทำการ
        3. คณะกรรมาธิการยุโรปสามารถร้องขอข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ยื่นคำร้อง เพื่อให้คำร้องฯ มีความถูกต้อง ครบถ้วน โดยจะต้องแจ้งให้ผู้ยื่นคำร้องทราบถึงกรอบระยะเวลาในการส่งมอบข้อมูลดังกล่าว
        4. กรณีการยกเว้นการปฏิบัติตามข้อ (1) โดยไม่เป็นการตัดสิทธิต่อ Regulation (EU) 2015/2283 มาตรา 16 และ Regulation (EC) No 178/2002 มาตรา 32b(4) และ (5) ให้คำร้องสามารถได้รับการพิจารณาว่าถูกต้อง แม้ว่าจะไม่มีองค์ประกอบตาม Regulation (EU) 2017/2468 มาตรา 4 – 6 หากผู้ยื่นคำร้องสามารถนำส่งข้อมูลที่สอดคล้องกับข้อมูลที่ขาดหายได้
        5. คณะกรรมาธิการยุโรปจะแจ้งให้ผู้ยื่นคำร้อง ประเทศสมาชิกฯ และ EFSA ทราบถึงผลการพิจารณา ในกรณีที่คำร้องไม่ถูกต้อง คณะกรรมาธิการยุโรปจะต้องแจ้งเหตุผล/ข้อมูลต่างๆ ที่ตรวจพบ”
    6. แก้ไขมาตรา 10 ดังนี้
      • เพิ่มข้อ (e)
        • “(e) ผลของการปรึกษาที่ดำเนินการในช่วงขั้นตอนการประเมินความเสี่ยงตาม Regulation (EC) No 178/2002 มาตรา 32c(2)”
    7. แก้ไขภาคผนวก I (Annex I) และภาคผนวก II (Annex II) ให้เป็นไปตามภาคผนวกของกฎระเบียบฉบับนี้ ได้แก่ รูปแบบหนังสือนำคำร้องการแจ้งเรื่อง (notification) อาหารพื้นบ้านจากประเทศที่สาม และรูปแบบหนังสือนำคำร้อง (application) ขอขึ้นทะเบียนอาหารพื้นบ้านจากประเทศที่สาม ตามลำดับ
    8. ยกเลิกภาคผนวก III (Annex III) ได้แก่ การระบุเหตุผลเพื่อเก็บรักษาข้อมูลเป็นความลับ
    9. กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2564 เป็นต้นไป ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าวสามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ดังนี้ https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32020R1824&from=EN