free page hit counter

สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป

Office of Agricultural Affairs | Royal Thai Embassy, Brussels
HomeRegulationสหภาพยุโรปอนุญาตสารเสริมในอาหารสัตว์

สหภาพยุโรปอนุญาตสารเสริมในอาหารสัตว์

Featured Image by Alexandr Podvalny under Pexels license
  1. Commission Implementing Regulation (EU) 2020/2120 ว่าด้วย การอนุญาตให้ montmorillonite-illite เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L 426/22 โดยมีรายละเอียดดังนี้
    1. คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้ montmorillonite-illite เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางเทคโนโลยี (technological additives) เพื่อทำหน้าที่เป็นสารยึดเกาะ (binders) และสารป้องกันการจับตัวเป็นก้อน (anti-caking agent) อนุญาตให้ใช้กับสัตว์ทุกชนิด เป็นระยะเวลา 6 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2569 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม
    2. คณะกรรมาธิการยุโรปอนุญาตให้ใช้สารเสริมดังกล่าวในระดับต่ำสุดที่ 10,000 มิลลิกรัม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12) และระดับสูงสุดที่ 20,000 มิลลิกรัม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12) อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน
    3. กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 17 ธันวาคม 2563) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้ https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32020R2120&from=EN
  2. Commission Implementing Regulation (EU) 2020/2121 ว่าด้วย การอนุญาตให้ preparation of 6-phytase ที่ผลิตโดย Komagataella phaffii DSM 32854 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L 426/28 โดยมีรายละเอียดดังนี้
    1. คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้ preparation of 6-phytase ที่ผลิตโดย Komagataella phaffii DSM 32854 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่ม zootechnical additives เพื่อช่วยระบบย่อยอาหาร (digestibility enhancers) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ปีกทุกชนิด นกสวยงาม ลูกสุกร สุกรเพื่อขุน สุกรตัวเมีย สุกรวัยเยาว์เพื่อขุนหรือสืบพันธุ์ เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 6 มกราคม 2574 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม
    2. คณะกรรมาธิการยุโรปอนุญาตให้ใช้สารเสริมดังกล่าวในระดับต่ำสุดที่ 250 FTU หน่วยกิจกรรม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12) อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน
    3. กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 17 ธันวาคม 2563) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้ https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32020R2121&from=EN