free page hit counter

สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป

Office of Agricultural Affairs | Royal Thai Embassy, Brussels
HomeRegulationสหภาพยุโรปต่ออนุญาตสารเสริมในอาหารสัตว์

สหภาพยุโรปต่ออนุญาตสารเสริมในอาหารสัตว์

Featured Image by Alexandr Podvalny under Pexels license
  1. Commission Implementing Regulation (EU) 2020/1397 ว่าด้วย การต่ออนุญาตให้ L-isoleucine ที่ผลิตโดย Escherichia coli FERM ABP-10641 และการอนุญาตให้ L-isoleucine ที่ผลิตโดย Corynebacterium glutamicum KCCM 80 189 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L 324/19
    1. คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้ต่ออายุ L-isoleucine ที่ผลิตโดย Escherichia coli FERM ABP-10641 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางโภชนาการ (nutritional additives) โดยมีหน้าที่เป็น ‘amino acids, their salt and analogues’ เป็นระยะเวลา 10 ปี โดยอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ทุกชนิด ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2573 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน
    2. คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้ L-isoleucine ที่ผลิตโดย Escherichia coli FERM ABP-10641 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางประสาทสัมผัส (sensory additives) โดยมีหน้าที่เป็นสารเพิ่มกลิ่น (flavouring compounds) เป็นระยะเวลา 10 ปี โดยอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ทุกชนิด ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2573 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน
    3. คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้ L-isoleucine ที่ผลิตโดย Corynebacterium glutamicum KCCM 80 189 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางโภชนาการ (nutritional additives) โดยมีหน้าที่เป็น ‘amino acids, their salt and analogues’ เป็นระยะเวลา 10 ปี โดยอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ทุกชนิด ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2573 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน
    4. คณะกรรมาธิการยุโรปได้กำหนดมาตรการเปลี่ยนผ่านดังนี้
      • (ก) สารเสริม L-isoleucine ที่ผลิตโดย Escherichia coli FERM ABP-10641 และสารผสมล่วงหน้า (premixture) ที่มีส่วนประกอบของสารเสริมดังกล่าวที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 26 เมษายน 2564 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 26 ตุลาคม 2563 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า
      • (ข) วัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) และอาหารสัตว์ผสม (compound feeds) ที่ใช้สำหรับสัตว์ที่ผลิตเพื่อเป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของสารเสริม L-isoleucine ที่ผลิตโดย Escherichia coli FERM ABP-10641 ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 26 ตุลาคม 2564 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 26 ตุลาคม 2563 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า
      • (ค) วัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) และอาหารสัตว์ผสม (compound feeds) ที่ไม่ใช้สำหรับสัตว์ที่ผลิตเพื่อเป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของสารเสริม L-isoleucine ที่ผลิตโดย Escherichia coli FERM ABP-10641 ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 26 ตุลาคม 2565 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 26 ตุลาคม 2563 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า
    5. กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 6 ตุลาคม 2563) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้ https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32020R1397&from=EN
  2. Commission Implementing Regulation (EU) 2020/1398 ว่าด้วยการต่ออนุญาตให้ Saccharomyces cerevisiae CBS 493.94 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L 324/26
    1. คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้ต่ออายุ Saccharomyces cerevisiae CBS 493.94 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทาง zootechnical โดยมีหน้าที่เป็นสารช่วยระบบย่อยอาหาร (digestibility enhancer) เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2573 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม โดยอนุญาตให้ใช้ในม้า และกำหนดปริมาณการใช้สารต่ำสุดไม่เกิน 1,6 x 109 CFU/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12) อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน
    2. กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 6 ตุลาคม 2563) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้ https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32020R1398&from=EN