free page hit counter

สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป

Office of Agricultural Affairs | Royal Thai Embassy, Brussels
HomeRegulationสหภาพยุโรปอนุญาตสารเสริมในอาหารสัตว์

สหภาพยุโรปอนุญาตสารเสริมในอาหารสัตว์

Featured Image by Arisa Chattasa on Unsplash

1. Commission Implementing Regulation (EU) 2022/1248 ว่าด้วย การอนุญาตให้น้ำมันหอมระเหยจากออริกาโน (essential oil from Origanum vulgare ssp. hirtum (Link) Ietsw. เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L 191/7 โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้น้ำมันหอมระเหยจากออริกาโน (essential oil from Origanum vulgare ssp. hirtum (Link) Ietsw.)  เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางประสาทสัมผัส (sensory additives) โดยมีหน้าที่เป็นสารแต่งกลิ่น (flavouring compounds) และอนุญาตให้ใช้กับไก่เพื่อขุน ไก่ไข่ ไก่งวงเพื่อขุน ลูกสุกร สุกรเพื่อขุน แม่สุกร โคนม ลูกวัว วัวเพื่อขุน แกะ แพะ ม้า กระต่าย สุนัข แมว ปลาซัลมอน และปลาสวยงาม เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ ไปจนถึงวันที่ 9 สิงหาคม 2575 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

     2) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดให้ใช้น้ำมันหอมระเหยจากออริกาโน ขั้นสูงสุดในสัตว์แต่ละประเภท ดังนี้

         2.1) ไก่เพื่อขุน ที่ปริมาณ 22 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

          2.2) ไก่ไข่ ที่ปริมาณ 33 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

         2.3) ไก่งวงเพื่อขุน ที่ปริมาณ 30 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

          2.4) ลูกสุกร ที่ปริมาณ 40 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

          2.5) สุกรเพื่อขุน ที่ปริมาณ 48 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

          2.6) แม่สุกร ที่ปริมาณ 63 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

          2.7) โคนม ที่ปริมาณ 57 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

          2.8) ลูกวัว ที่ปริมาณ 100 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

          2.9)  วัวเพื่อขุน แกะ แพะ และม้า ที่ปริมาณ 88 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

          2.10) กระต่าย ปริมาณ 35 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

          2.11) สุนัข ปริมาณ 106 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

          2.12) แมว ปริมาณ 18 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

          2.13) ปลาซัลมอน ปริมาณ 101 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

          2.14) ปลาสวยงาม ปริมาณ 150 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

    3) คณะกรรมาธิการยุโรปได้กำหนดมาตรการเปลี่ยนผ่าน ดังนี้

        (ก) น้ำมันหอมระเหยจากออริกาโนที่มีรายชื่อปรากฏในภาคผวกและสารผสมล่วงหน้า (premixture) ที่มีส่วนประกอบของน้ำมันหอมระเหยจากออริกาโนดังกล่าวที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 9 สิงหาคม 2565 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

        (ข) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) ที่ใช้สำหรับสัตว์ที่ผลิตเพื่อเป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของน้ำมันหอมระเหยจากออริกาโนดังกล่าว ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 9 สิงหาคม 2566 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 9 สิงหาคม 2565 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า                                                                                                              

   4) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 20 กรกฎาคม 2565) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32022R1248&from=EN

2. Commission Implementing Regulation (EU) 2022/1249 ว่าด้วย การอนุญาตให้วิตามิน B12  ในรูปของ cyanocobalamin ที่ผลิตโดย Ensifer adhaerens CNCM I-5541 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L 191/10 โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้วิตามิน B12  ในรูปของ cyanocobalamin ที่ผลิตโดย Ensifer adhaerens CNCM I-5541 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางโภชนาการ (nutritional additives) โดยมีหน้าที่เป็นวิตามิน โปรวิตามิน และสารเคมีที่มีผลคล้ายคลึง (vitamins, pro-vitamins and chemically well-defined substances having similar effect) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ทุกชนิด เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ ไปจนถึงวันที่ 9 สิงหาคม 2575 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

    2) คณะกรรมาธิการยุโรปได้กำหนดมาตรการเปลี่ยนผ่านดังนี้

        (ก) วิตามิน B12  ในรูปของ cyanocobalamin ที่ผลิตโดย Ensifer adhaerens CNCM I-5541 ที่มีรายชื่อปรากฏในภาคผวกและสารผสมล่วงหน้า (premixture) ที่มีส่วนประกอบของวิตามิน B12  ดังกล่าวที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 9 สิงหาคม 2565 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

        (ข) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) ที่ใช้สำหรับสัตว์ที่ผลิตเพื่อเป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของวิตามิน B12  ในรูปของ cyanocobalamin ที่ผลิตโดย Ensifer adhaerens CNCM I-5541 ดังกล่าว ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 9 สิงหาคม 2566 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 9 สิงหาคม 2565 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

        (ค) วัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) และอาหารสัตว์ผสม (compound feeds) ที่ไม่ใช้สำหรับสัตว์ที่ผลิตเพื่อเป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของวิตามิน B12  ในรูปของ cyanocobalamin ที่ผลิตโดย Ensifer adhaerens CNCM I-5541 ดังกล่าว ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 9 สิงหาคม 2567 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 9 สิงหาคม 2565 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

    3) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 20 กรกฎาคม 2565) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32022R1249&from=EN

3. Commission Implementing Regulation (EU) 2022/1250 ว่าด้วย การอนุญาตให้สาร ethyl acrylate สาร pentyl isovalerate สาร butyl 2-methyl butyrate สาร 2-methylundecanal สาร (2E)-methylcrotonic acid สาร ethyl (E,Z)-deca-2,4-dienoate สาร butan-2-one สาร cyclohexyl acetate สาร 3,4-dimethylcyclopentan-1,2-dione สาร 5-ethyl-3-hydroxy-4-methylfuran-2(5H)-one สาร phenethyl butyrate สาร hexyl phenylacetate สาร 4-methylacetophenone สาร 4-methoxyacetophenone สาร 3-methylphenol สาร 3,4-dimethylphenol สาร 1-methoxy-4-methylbenzene   สาร  trimethyloxazole  และสาร 4,5-dihydrothiophen-3(2H)-one   เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L 191/13 โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้สารเสริม จำนวน 19 รายการ ได้แก่ (1) สาร ethyl acrylate (2) สาร pentyl isovalerate (3) สาร butyl 2-methyl butyrate (4) สาร 2-methylundecanal (5) สาร (2E)-methylcrotonic acid (6) สาร ethyl (E,Z)-deca-2,4-dienoate (7) สาร butan-2-one (8) สาร cyclohexyl acetate (9) สาร 3,4-dimethylcyclopentan-1,2-dione (10) สาร 5-ethyl-3-hydroxy-4-methylfuran-2(5H)-one (11) สาร phenethyl butyrate (12) สาร hexyl phenylacetate (13) สาร 4-methylacetophenone (14) สาร 4-methoxyacetophenone (15) สาร 3-methylphenol (16) สาร 3,4-dimethylphenol (17) สาร 1-methoxy-4-methylbenzene (18) สาร trimethyloxazole และ (19) สาร 4,5-dihydrothiophen-3(2H)-one  เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางประสาทสัมผัส (sensory additives) โดยมีหน้าที่เป็นสารแต่งกลิ่น (flavouring compounds) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ทุกชนิด เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ ไปจนถึงวันที่ 9 สิงหาคม 2575 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

    2) คณะกรรมาธิการยุโรปได้กำหนดมาตรการเปลี่ยนผ่านดังนี้

        (ก) สารเสริมที่มีรายชื่อปรากฏในภาคผวกและสารผสมล่วงหน้า (premixture) ที่มีส่วนประกอบของสารเสริมดังกล่าวที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 9 สิงหาคม 2565 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

        (ข) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) ที่ใช้สำหรับสัตว์ที่ผลิตเพื่อเป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของสารเสริมดังกล่าว ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 9 สิงหาคม 2566 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 9 สิงหาคม 2565 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

        (ค) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds)  และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) ที่ไม่ใช้สำหรับสัตว์ที่ผลิตเพื่อเป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของสารเสริมดังกล่าว ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 9 สิงหาคม   2567 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 9 สิงหาคม 2565 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

    3) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 20 กรกฎาคม 2565) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32022R1250&from=EN

4. Commission Implementing Regulation (EU) 2022/1266 ว่าด้วย การอนุญาตให้โมโนโซเดียม    กลูตาเมตที่ผลิตโดยการหมักกับ Corynebacterium glutamicum KCCM 80187 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L 192/17 โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้ โมโนโซเดียมกลูตาเมตที่ผลิตโดยการหมักกับ Corynebacterium glutamicum KCCM 80187 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางประสาทสัมผัส (sensory additives) โดยมีหน้าที่เป็นสารแต่งกลิ่น (flavouring compounds) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ทุกชนิด เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ ไปจนถึงวันที่ 10 สิงหาคม ๒๕๗5 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม

     2) คณะกรรมาธิการยุโรปแนะนำการใช้งานขั้นสูงสุด ที่ปริมาณ 25 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)                                                                                                                        

    3) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 21 กรกฎาคม 2565) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32022R1266&from=EN