free page hit counter

สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป

Office of Agricultural Affairs | Royal Thai Embassy, Brussels
HomeRegulationสหภาพยุโรปอนุญาตสารเสริมในอาหารสัตว์

สหภาพยุโรปอนุญาตสารเสริมในอาหารสัตว์

1. Commission Implementing Regulation (EU) 2023/2644 ว่าด้วย การอนุญาตให้ lactic acid ที่ผลิตโดย Weizmannia coagulans DSM 32789เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบอนุญาตให้ lactic acid ที่ผลิตโดย Weizmannia coagulans DSM 32789 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางเทคโนโลยี (technological additives) โดยมีหน้าที่เป็นสารถนอมอาหารสัตว์ (preservatives) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ทุกชนิด ยกเว้นปลา เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2576 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

    2) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดการใช้งานที่ระดับสูงสุดในสัตว์ ดังนี้

         2.1) สัตว์ทุกชนิด นอกเหนือจากสุกร สัตว์เคี้ยวเอื้อง และสัตว์น้ำทุกชนิด ระดับสูงสุดไม่เกิน 20,000 มิลลิกรัม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

         2.2) สุกร และสัตว์เคี้ยวเอื้องที่มีกระเพาะรูเมน ระดับสูงสุดไม่เกิน 50,000 มิลลิกรัม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

    3) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2566) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202302644

2. Commission Implementing Regulation (EU) 2023/2645 ว่าด้วย การอนุญาตให้ preparation of endo-1,4-beta-mannanase ที่ผลิตโดย Paenibacillus lentus DSM 33618 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบอนุญาตให้ preparation of endo-1,4-beta-mannanase ที่ผลิตโดย Paenibacillus lentus DSM 33618 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมเฉพาะทางสำหรับสัตว์ (zootechnical additives) เพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการย่อยอาหาร (digestibility enhancers) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ปีกและสุกร เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2566 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

     2) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดการใช้สารเสริมที่ระดับต่ำสุดในสัตว์ปีกและสุกร ดังนี้

         2.1) ไก่เพื่อขุน ไก่เพื่อไข่ สัตว์ปีกวัยเยาว์เพื่อขุน สัตว์ปีกวัยเยาว์เพื่อไข่หรือเพื่อเพาะพันธุ์ สุกรเพื่อขุน และสุกรวัยเยาว์เพื่อขุน ระดับต่ำสุดไม่เกิน 32,000 Uหน่วยกิจกรรม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

         2.2) ไก่งวงเพื่อขุน ไก่งวงเพื่อเพาะพันธุ์ ลูกสุกรที่หย่านม และลูกสุกรหย่านมวัยเยาว์ ระดับต่ำสุดไม่เกิน 48,000 Uหน่วยกิจกรรม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

    3) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2566) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202302645

3. Commission Implementing Regulation (EU) 2023/2646 ว่าด้วย การอนุญาตให้ preparation of Lentilactobacillus buchneri DSM 32650 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบอนุญาตให้ preparation of Lentilactobacillus buchneri DSM 32650 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางเทคโนโลยี (technological additives) โดยมีหน้าที่เป็นสารเร่งปฏิกริยาในหญ้าหมัก (silage additives) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ทุกชนิด เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ ไปจนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2576 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

    2) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2566) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202302646