free page hit counter

สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป

Office of Agricultural Affairs | Royal Thai Embassy, Brussels
HomeRegulationสหภาพยุโรปเตรียมผลักดันให้สินค้าเกษตร-อาหารที่นำเข้าต้องได้มาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์และสิ่งแวดล้อม

สหภาพยุโรปเตรียมผลักดันให้สินค้าเกษตร-อาหารที่นำเข้าต้องได้มาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์และสิ่งแวดล้อม

ด้วยเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 สื่อออนไลน์ IHS Markit ได้เผยแพร่บทความ เรื่อง สหภาพยุโรปเตรียมผลักดันให้สินค้าเกษตร-อาหารที่นำเข้าจากประเทศที่สามได้มาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์และสิ่งแวดล้อมเฉกเช่นเดียวกับมาตรฐานที่ปรับใช้ในสหภาพยุโรป สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

  1. ที่ประชุมรัฐสภายุโรปในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ เห็นควรให้มีการผลักดันให้มาตรฐานสินค้าเกษตร-อาหารที่นำเข้าจากประเทศสามต้องเทียบเท่ากับมาตรฐานสินค้าเกษตร-อาหารที่ผลิตได้ในสหภาพยุโรป ทั้งในด้านสุขภาพ สวัสดิภาพสัตว์ และสิ่งแวดล้อม โดยให้สอดคล้องกับกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งมติดังกล่าวมีผลสอดคล้องกับข้อเสนอการต่อต้านการตัดไม้ทำลายป่าของคณะกรรมาธิการยุโรป เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 ที่มีเนื้อหาเน้นการควบคุมการนำเข้าสินค้าสำคัญ อาทิ น้ำมันปาล์ม และถั่วเหลือง เพื่อให้แน่ใจว่าสหภาพยุโรปไม่ใช่ต้นเหตุของการตัดไม้ทำลายป่าในประเทศที่สาม
  2. ประเด็นสารปราบศัตรูพืชที่ใช้ในการผลิตสินค้าเกษตรนำเข้า ยังคงเป็นประเด็นที่ยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากเกษตรกรในยุโรปมองว่า สารออกฤทธิ์หลายรายการถูกระงับการใช้งานแล้วในสหภาพยุโรป แต่ยังคงมีประเทศที่สามที่ยังคงใช้สารต้องห้ามดังกล่าวเพื่อเป็นการเพิ่มผลผลิต ส่งผลให้มีต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่า ทั้งนี้ สหภาพยุโรปจะมีการทบทวนการอนุโลม import tolerances ให้สอดคล้องกับกฎการค้าระหว่างประเทศ และการประเมินความเสี่ยงเป็นรายกรณี ซึ่งนอกเหนือจากการพิจารณาเรื่องสุขภาพและแนวปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีแล้ว ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมร่วมด้วย โดยเฉพาะในส่วนของสารที่ไม่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในสหภาพยุโรป
  3. สหภาพยุโรปตระหนักถึงความจำเป็นในการจัดการกับปัญหาการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และระบบอาหารที่ยั่งยืน โดยใช้กฎขององค์การการค้าโลก (WTO) เป็นหลักเกณฑ์ในการกำหนดมาตรการให้สินค้าเกษตรที่นำเข้าต้องสอดคล้องกับมาตรฐานด้านสุขภาพ สวัสดิภาพสัตว์ และสิ่งแวดล้อมได้ เพื่อยกระดับมาตรฐานทั้งสินค้าที่ผลิตได้ในสหภาพยุโรปและสินค้าที่นำเข้า นำไปการบรรลุเป้าหมายของนโยบาย European Green Deal และยุทธศาสตร์ Farm to Fork และความตกลงปารีส รวมทั้งสหภาพยุโรปจะพิจารณาการเพิ่มบทบาทในการพัฒนา ความมั่นคงด้านอาหารของโลก โดยการเพิ่มความร่วมมือในระดับพหุภาคี นอกเหนือไปจากการดำเนินการ เพื่อลดการบิดเบือนของตลาด ซึ่งเป็นปัจจัยที่จำเป็นแต่ยังไม่เพียงพอในการรักษาเสถียรภาพของตลาดในต่างประเทศได้  
  4. สหภาพยุโรปจะบังคับใช้กฎระเบียบ CMO (Common Organisation of the Markets) ด้าน “การปรับใช้มาตรฐานด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมของสหภาพยุโรปกับสินค้าเกษตรที่นำเข้า” โดยคณะกรรมาธิการยุโรปจะต้องนำเสนอแนวทางที่เป็นรูปธรรมในการปรับใช้มาตรการดังกล่าว ภายในเดือนมิถุนายน 2565 ซึ่งรวมถึง “การประเมินเหตุผลและความเป็นไปได้ทางกฎหมายในการนำมาตรฐานด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมของสหภาพยุโรป (รวมถึงมาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์ตลอดจนกระบวนการและวิธีการผลิต) มาปรับใช้กับสินค้าเกษตร-อาหารที่นำเข้าจากประเทศที่สาม” โดยให้มีความสอดคล้องกับกฎขององค์การการค้าโลก ครอบคลุมนโยบายด้านสาธารณะที่เกี่ยวข้องทั้งหมด