1. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/2177 ว่าด้วย การอนุญาตให้ preparation of 6-phytase ที่ผลิตโดย Aspergillus oryzae DSM 33737 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้
1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้ preparation of 6-phytase ที่ผลิตโดย Aspergillus oryzae DSM 33737 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมเฉพาะทางสำหรับสัตว์ (zootechnical additives) เพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการย่อยอาหาร (digestibility enhancers) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ปีกทุกสายพันธุ์เพื่อขุน เพื่อไข่ และเพื่อเพาะพันธุ์ แม่สุกรทุกสายพันธุ์ และปลาทุกสายพันธุ์ เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 23 กันยายน 2577 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน
๒) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดการใช้สารเสริมที่ระดับต่ำสุดในสัตว์ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
– สัตว์ปีกทุกสายพันธุ์เพื่อขุน เพื่อไข่ และเพื่อเพาะพันธุ์ ที่ปริมาณขั้นต่ำสุด 200 FYT/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
– แม่สุกรทุกสายพันธุ์ (all Suidae species) ที่ปริมาณขั้นต่ำสุด 200 FYT/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
– ปลาทุกสายพันธุ์ (all fin fish) ที่ปริมาณขั้นต่ำสุด 1,000 FYT/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
3) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 3 กันยายน 2567) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้
2. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/2185 ว่าด้วย การอนุญาตให้ preparation of Bacillus subtilis FERM BP-07462, Enterococcus lactis FERM BP-10867 และ Clostridium butyricum FERM BP-10866 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้
1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้ preparation of Bacillus subtilis FERM BP-07462, Enterococcus lactis FERM BP-10867 และ Clostridium butyricum FERM BP-10866 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่ม zootechnical additives เพื่อช่วยควบคุมเชื้อในกระเพาะ (gut flora stabilisers) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ปีกทุกสายพันธุ์เพื่อขุน เพื่อไข่ และเพื่อเพาะพันธุ์ และนกสวยงาม เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 24 กันยายน 2577 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน
2) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดให้ใช้สารเสริมที่ระดับต่ำสุดในสัตว์ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
– สัตว์ปีกทุกสายพันธุ์เพื่อขุน เพื่อไข่ และเพื่อเพาะพันธุ์ ที่ปริมาณขั้นต่ำสุด 2,4 x 108 CFU/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12) และที่ปริมาณ 1,2 x 108 CFU/ลิตรของน้ำดื่มสัตว์
– นกสวยงาม ที่ปริมาณขั้นต่ำสุด 2,4 x 108 CFU/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12) และที่ปริมาณ 1,2 x 108 CFU/ลิตรของน้ำดื่มสัตว์
3) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 4 กันยายน 2567) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้
3. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/2179 ว่าด้วย การปรับแก้ Implementing Regulation (EU) 2022/1452 ในการกำหนดปริมาณการใช้งานขั้นสูงสุดของ 4-hydroxy-2,5-dimethylfuran-3(2H)-one เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์สำหรับแมวและสุนัข ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้
1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นควรให้ปรับปริมาณการใช้งานขั้นสูงสุดของ 4-hydroxy-2,5-dimethylfuran-3(2H)-one เพื่อเป็นสารเสริมในอาหารสัตว์สำหรับแมวและสุนัข ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางประสาทสัมผัส (sensory additives) โดยมีหน้าที่เป็นสารแต่งกลิ่น (flavouring compounds) ดังนี้
– แมว ที่ปริมาณขั้นสูงสุด 18 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
– สุนัข ที่ปริมาณขั้นสูงสุด 25 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)
2) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 3 กันยายน 2567) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้
https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202402179