free page hit counter

สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป

Office of Agricultural Affairs | Royal Thai Embassy, Brussels
HomeRegulationสหภาพยุโรประงับการใช้วัตถุเจือปนอาหาร titanium dioxide

สหภาพยุโรประงับการใช้วัตถุเจือปนอาหาร titanium dioxide

Featured Image by Mehrad Vosoughi under Pexels license

คณะกรรมาธิการยุโรปประกาศ Commission Regulation (EU) 2022/63 ว่าด้วย การปรับปรุง Regulation (EC) No 1333/2008 ภาคผนวก II และภาคผนวก III เกี่ยวข้องการใช้วัตถุเจือปนอาหาร titanium dioxide ใน EU Official Journal L 11/1 โดยมีรายละเอียดดังนี้

  1. คณะกรรมาธิการยุโรปพิจารณาแล้วเห็นว่า หน่วยงานด้านความปลอดภัยอาหารประจำสหภาพยุโรป  (European Food Safety Agency) ยังมีข้อกังวลต่อผลกระทบจากการใช้สาร titanium dioxide ในส่วนของความเป็นพิษต่อพันธุกรรม (genotoxicity) จากอนุภาค titanium dioxide โดยไม่สามารถสรุปได้ว่า สารดังกล่าวมีความปลอดภัยที่จะใช้เป็นวัตถุเจือปนอาหารอีกต่อไป จึงเห็นควรให้ถอดถอนสารแต่งสี titanium dioxide ออกจากบัญชีรายชื่อวัตถุเจือปนอาหาร อย่างไรก็ดี อนุญาตให้คงการใช้สาร titanium dioxide ในการผลิตยา (medicinal products) ไปจนกว่าภาคเภสัชอุตสาหกรรมจะสามารถหาสารทดแทนที่มีคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพที่เท่าเทียมกันได้

2. กำหนดช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านให้กับสาร titanium dioxide ดังกล่าวดังนี้

        1) สินค้าที่มีส่วนผสมของสาร titanium dioxide ที่มีการวางจำหน่ายก่อนวันที่ 7 สิงหาคม 2565 สามารถวางจำหน่ายได้จนถึงวันที่สินค้าอยู่ในสภาพที่ไม่ควรมีการบริโภค (until their date of minimum durability) หรือวันที่สินค้าหมดอายุ (use-by-date)

        2) คณะกรรมาธิการยุโรปจะพิจารณาร่วมกับองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (European Medicines Agency) เพื่อทบทวนความจำเป็นในการให้คงหรือยกเลิกการอนุญาตสาร titanium dioxide ในบัญชีรายชื่อวัตถุเจือปนอาหาร เพื่อใช้ในการผลิตยา ใน Part B ภาคผนวก II Regulation (EC) No 1333/2008 อีกครั้งในช่วง 3 ปีนับจากวันที่กฎระเบียบฉบับนี้มีผลบังคับใช้

3. กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วันหลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 18 มกราคม 2565) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าวสามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32022R0063&from=EN