free page hit counter

สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป

Office of Agricultural Affairs | Royal Thai Embassy, Brussels
HomeRegulationสหภาพยุโรปอนุญาตสารเสริมในอาหารสัตว์

สหภาพยุโรปอนุญาตสารเสริมในอาหารสัตว์

Featured Image by Nighthawk Shoots on Unsplash

1. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/228 ว่าด้วย การอนุญาตให้ preparation of Companilactobacillus farciminis CNCM I-3740 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้ preparation of Companilactobacillus farciminis CNCM I-3740เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมเฉพาะทางสำหรับสัตว์ (zootechnical additives) เพื่อช่วยควบคุมเชื้อในกระเพาะ (gut flora stabilisers) และอนุญาตให้ใช้กับไก่/ไก่งวงเพื่อขุน เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2577 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

    2) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดให้ใช้สารเสริมดังกล่าว ระดับต่ำสุดที่ปริมาณ 8,5 x 108 CFU/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)           

    3) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน ดังนี้

        (ก) preparation of Companilactobacillus farciminis CNCM I-3740 และสารผสมล่วงหน้า (premixture) ที่มีส่วนประกอบของสารดังกล่าวที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 4 สิงหาคม 2567 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิมก่อนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า 

        (ข) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) ที่มีส่วนประกอบของ preparation of Companilactobacillus farciminis CNCM I-3740 ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิมก่อนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

    4) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 15 มกราคม 2567) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202400228

2. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/231 ว่าด้วย การอนุญาต ให้ preparation of halofuginone hydrobromide (Stenorol) เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้ preparation of halofuginone hydrobromide (Stenorol) เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่ม Coccidiostats และ Histomonostats และอนุญาตให้ใช้กับไก่/ไก่งวงเพื่อขุน และไก่งวงเพื่อเพาะพันธุ์ เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2577  เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

    2) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดให้ใช้สารเสริมดังกล่าว ดังนี้

        – ระดับต่ำสุดที่ปริมาณ 2 มิลลิกรัม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

        –  ระดับสูงสุดที่ปริมาณ 3 มิลลิกรัม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

    3) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน ดังนี้

        (ก) preparation of halofuginone hydrobromide (Stenorol) และสารผสมล่วงหน้า (premixture) ที่มีส่วนประกอบของสารดังกล่าวที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่  4  สิงหาคม  2567  โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิมก่อนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า 

        (ข) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) ที่มีส่วนประกอบของ preparation of halofuginone hydrobromide (Stenorol) ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิมก่อนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

    4) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 15 มกราคม 2567) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202400231

3. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/260 ว่าด้วย การอนุญาตให้น้ำมันหอมระเหยยี่หร่า (cumin essential oil จาก Cuminum cyminum L.), ทิงเจอร์ยี่หร่าหวาน (sweet fennel tincture จาก Foeniculum vulgare Mill. ssp. vulgare var. dulce), ทิงเจอร์ตังกุย (dong quai tincture จาก Angelica sinensis (Oliv.) Diels), ทิงเจอร์พาร์สลีย์ (parsley tincture จาก Petroselinum crispum (Mill.) Fuss), ทิงเจอร์โป๊ยกั๊ก(star anise tincture จาก Illicium verum Hook f.), น้ำมันระเหยมหาหิงคุ์ (asafoetida essential oil จาก Ferula-assa-foetida L.), น้ำมันระเหยผักชีลาว (dill herb essential oil จาก Anethum graveolens L.) และทิงเจอร์ผักชีลาว (dill tincture จาก Anethum graveolens L.) เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้สารเสริม จำนวน 8 รายการ ซึ่งได้แก่ (1) น้ำมันหอมระเหยยี่หร่า (cumin essential oil จาก Cuminum cyminum L.), (2) ทิงเจอร์ยี่หร่าหวาน (sweet fennel tincture จาก Foeniculum vulgare Mill. ssp. vulgare var. dulce), (3) ทิงเจอร์ตังกุย (dong quai tincture จาก Angelica sinensis (Oliv.) Diels), (4) ทิงเจอร์พาร์สลีย์ (parsley tincture จาก Petroselinum crispum (Mill.) Fuss),   (5) ทิงเจอร์โป๊ยกั๊ก (star anise tincture จาก Illicium verum Hook f.), (6) น้ำมันระเหยมหาหิงคุ์ (asafoetida essential oil จาก Ferula-assa-foetida L.), (7) น้ำมันระเหยผักชีลาว (dill herb essential oil จาก Anethum graveolens L.) และ (8) ทิงเจอร์ผักชีลาว (dill tincture จาก Anethum graveolens L.) เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางประสาทสัมผัส (sensory additives) โดยมีหน้าที่เป็นสารแต่งกลิ่น (flavouring compounds) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ทุกชนิด เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ ไปจนถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2577 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

     2) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดให้ใช้สารเสริมดังกล่าว ดังนี้

         –  น้ำมันหอมระเหยยี่หร่า ระดับสูงสุดที่ปริมาณ 15 มิลลิกรัม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

         –  ทิงเจอร์ยี่หร่าหวาน ระดับสูงสุดที่ปริมาณ 50 มิลลิกรัม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12) และที่ระดับ 200 มิลลิกรัม (ชนิดเหลว)/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

          – ทิงเจอร์ตังกุย ระดับสูงสุดที่ปริมาณ 123 – 481 มิลลิกรัม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

          – ทิงเจอร์พาร์สลีย์ ระดับสูงสุดที่ปริมาณ 50 – 200 มิลลิกรัม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

           – ทิงเจอร์โป๊ยกั๊ก ระดับสูงสุดที่ปริมาณ 50 – 200 มิลลิกรัม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

           – ทิงเจอร์ผักชีลาว ระดับสูงสุดที่ปริมาณ 50 – 200 มิลลิกรัม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

     3) คณะกรรมาธิการยุโรปได้กำหนดมาตรการเปลี่ยนผ่าน ดังนี้

        (ก) สารเสริมทั้ง 8 รายการที่มีรายชื่อปรากฏในภาคผวกและสารผสมล่วงหน้า (premixture) ที่มีส่วนประกอบของสารเสริมดังกล่าวที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 4 สิงหาคม 2567 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

        (ข) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) ที่ใช้สำหรับสัตว์ที่ผลิตเพื่อเป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของสารเสริมทั้ง 8 รายการดังกล่าว ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568  โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิมก่อนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

        (ค) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) ที่ไม่ใช้สำหรับสัตว์ที่ผลิตเพื่อเป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของสารเสริมดังกล่าวที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2569 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิมก่อนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

   3) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 15 มกราคม 2567) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202400260