free page hit counter

สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป

Office of Agricultural Affairs | Royal Thai Embassy, Brussels
HomeRegulationสหภาพยุโรปอนุญาตสารเสริมในอาหารสัตว์

สหภาพยุโรปอนุญาตสารเสริมในอาหารสัตว์

Featured Image by Nighthawk Shoots on Unsplash

1. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/749 ว่าด้วย การอนุญาตให้ lignosulphonate เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบอนุญาตให้ lignosulphonate เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางเทคโนโลยี (technological additives) เพื่อช่วยในการยึดเกาะ (binders) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ปีกทุกชนิด เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 21 มีนาคม 2577 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

     2) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดการใช้สารเสริมที่ระดับสูงสุดในสัตว์ ดังนี้

         2.1) ลูกสุกรหย่านม สุกรเพื่อขุน ไก่เพื่อขุน ไก่เพื่อไข่ และวัวเพื่อขุน ระดับสูงสุดไม่เกิน 10,000 มิลลิกรัม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

         2.2) สัตว์ประเภทอื่นๆ ระดับสูงสุดไม่เกิน 8,000 มิลลิกรัม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

    3) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน ดังนี้

        (ก) lignosulphonate และสารผสมล่วงหน้า (premixture) ที่มีส่วนประกอบของ lignosulphonate ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 21 กันยายน 2567 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 21 มีนาคม 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

        (ข) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) ที่ใช้สำหรับสัตว์ที่ผลิตเพื่อเป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของ lignosulphonate ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 21 มีนาคม 2568 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 21 มีนาคม 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

        (ค) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) ที่ไม่ใช้สำหรับสัตว์ที่ผลิตเพื่อเป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของ lignosulphonate ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 21 มีนาคม 2569 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 21 มีนาคม 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

    4) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 1 มีนาคม 2567) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202400749

2. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/764 ว่าด้วย การอนุญาตให้ preparation of Bacillus subtilis CNCM I-4606, CNCM I-5043, CNCM I-4607 และ Lactococcus lactis CNCM I-4609 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบอนุญาตให้ preparation of Bacillus subtilis CNCM I-4606, CNCM I-5043, CNCM I-4607 และ Lactococcus lactis CNCM I-4609 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางเทคโนโลยี (technological additives) เพื่อช่วยลดการปนเปื้อนของเชื้อซัลโมแนลลา (Salmonella Typhimurium) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ทุกชนิด เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 21 มีนาคม 2577 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน  ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

     2) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดการใช้สารเสริมที่ระดับต่ำสุดในสัตว์ที่ 1 × 109 ของ Bacillus subtilis CNCM I-4606, 4607, และ 5043 (ในสัดส่วน 1:1:1) 1 × 109 ของ Lactococcus lactis CNCM I-4609    

    3) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 1 มีนาคม 2567) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202400764

3. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/777 ว่าด้วย การอนุญาตให้ L-lysine base, liquid, L-lysine monohydrochloride, liquid, และ L-lysine monohydrochloride ที่ผลิตโดย Escherichia coli NITE BP-02917 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้ L-lysine base, liquid, L-lysine monohydrochloride, liquid, และ L-lysine monohydrochloride ที่ผลิตโดย Escherichia coli NITE BP-02917  เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางโภชนาการ (nutritional additives) กลุ่มกรดอะมิโน เกลือของกรดอะมิโน และสารที่อยู่กลุ่มเดียวกัน (amino acids, their salts and analogues) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ทุกชนิด เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 26 มีนาคม 2577 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

   2) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 6 มีนาคม 2567) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202400777

4. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/778 ว่าด้วย การอนุญาตให้ preparation of protease ที่ผลิตโดย Bacillus licheniformis DSM 33099 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบอนุญาตให้ preparation of protease ที่ผลิตโดย Bacillus licheniformis DSM 33099 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมเฉพาะทางสำหรับสัตว์ (zootechnical additives) เพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการย่อยอาหาร (digestibility enhancers) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ปีกเพื่อขุน เพื่อไข่ และเพื่อเพาะพันธุ์ทุกชนิด เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎ   ระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 26 มีนาคม 2577 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

     2) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดการใช้สารเสริมในสัตว์ปีกเพื่อขุน เพื่อไข่ และเพื่อเพาะพันธุ์ทุกชนิด ที่ระดับต่ำสุดไม่เกิน 30,000 NFPหน่วยกิจกรรม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

    3) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 6 มีนาคม 2567) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202400778

5. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/786 ว่าด้วย การอนุญาตให้ preparation of น้ำมันไทม์ (thyme oil), น้ำมันโป๊ยกั๊ก (star anise oil)  และผงจากเปลือกต้น quillaja  (quillaja bark powder) เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้ preparation of น้ำมันไทม์ (thyme oil), น้ำมันโป๊ยกั๊ก (star anise oil) และผงจากเปลือกต้น quillaja  (quillaja bark powder) เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมเฉพาะทางสำหรับสัตว์ (zootechnical additives) เพื่อช่วยเพิ่มพารามิเตอร์สมรรถภาพสัตว์ (improvement of performance parameters) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ปีกทุกชนิดเพื่อขุน เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 27 มีนาคม 2577 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

    2) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดปริมาณการใช้งานขั้นต่ำสุดและขั้นสูงสุด ในสัตว์ปีกเพื่อขุน ดังนี้

        (ก) ที่ปริมาณขั้นต่ำสุด 150 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

         (ข) ที่ปริมาณขั้นสูงสุด 150 มิลลิกรัมของสาร/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

    3) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 7 มีนาคม 2567) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202400786

6. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/794 ว่าด้วย การอนุญาตให้ preparation of endo-1,4-beta-xylanase ที่ผลิตโดย Komagataella phaffii CGMCC 7.371 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบอนุญาตให้ preparation of endo-1,4-beta-xylanase ที่ผลิตโดย Komagataella phaffii CGMCC 7.371 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมเฉพาะทางสำหรับสัตว์ (zootechnical additives) เพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการย่อยอาหาร (digestibility enhancers) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ปีกและลูกสุกรทุกชนิด เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 26 มีนาคม 2577 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

     2) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดการใช้สารเสริมในสัตว์ ดังนี้

         2.1) สัตว์ปีกเพื่อไข่ ลูกสุกรที่ยังไม่หย่านม สุกรหย่านม และลูกสุกรขนาดเล็ก ที่ระดับต่ำสุดไม่เกิน 2,000 Uหน่วยกิจกรรม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

         2.2) สัตว์ปีกอื่นๆ นอกเหนือจากสัตว์ปีกเพื่อไข่ ที่ระดับต่ำสุดไม่เกิน 1,000 Uหน่วยกิจกรรม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

    3) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 6 มีนาคม 2567) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202400794

7. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/806 ว่าด้วย การอนุญาตให้ทิงเจอร์สน (pine tincture) จาก Pinus Sylvestris L. เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้ทิงเจอร์สน (pine tincture) จาก Pinus Sylvestris L. เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางประสาทสัมผัส (sensory additives) โดยมีหน้าที่เป็นสารแต่งกลิ่น (flavouring compounds) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ทุกชนิด เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบมีผลบังคับใช้ ไปจนถึงวันที่ 28 มีนาคม 2577 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม

     2)  คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน ดังนี้

         (ก) ทิงเจอร์สน (pine tincture) จาก Pinus Sylvestris L. และสารผสมล่วงหน้า (premixture) ที่มีส่วนประกอบของทิงเจอร์สน (pine tincture) จาก Pinus Sylvestris L.  ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 28 กันยายน 2567 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 28 มีนาคม2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

        (ข) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) ที่ใช้สำหรับสัตว์ที่ผลิตเพื่อเป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของทิงเจอร์สน (pine tincture) จาก Pinus Sylvestris L. ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 28 มีนาคม 2568 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 28 มีนาคม 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

        (ค) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) ที่ไม่ใช้สำหรับสัตว์ที่ผลิตเพื่อเป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของทิงเจอร์สน (pine tincture) จาก Pinus Sylvestris L. ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 28 มีนาคม 2569 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 28 มีนาคม 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

    4) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 8 มีนาคม 2567) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202400806

8. Commission Implementing Regulation (EU) 2024/824 ว่าด้วย การอนุญาตให้ทิงเจอร์เหล่งตาเช้า (gentian tincture) จาก Gentiana lutea L. เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L series โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้ ทิงเจอร์เหล่งตาเช้า (gentian tincture) จาก Gentiana lutea L. เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางประสาทสัมผัส (sensory additives) โดยมีหน้าที่เป็นสารแต่งกลิ่น (flavouring compounds) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์เพื่อขุน ปลา ยกเว้นม้า และปลาพ่อแม่พันธุ์ (brood stock) เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ ไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2577 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม

     2)  คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดการใช้สารเสริมในสุกรเพื่อขุน วัวเพื่อขุน แกะเพื่อขุน สัตว์เคี้ยวเอื้องขนาดเล็กเพื่อขุน ลูกวัวเพื่อขุน ไก่/ไก่งวงและสัตว์ปีกขนาดเล็กเพื่อขุน ปลาซัลมอน ปลาขนาดเล็ก ยกเว้นปลาพ่อแม่พันธุ์ สัตว์ขนาดเล็กอื่นๆ เพื่อขุน ยกเว้นม้า  ที่ระดับสูงสุดไม่เกิน 50 มิลลิกรัม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12) และห้ามใช้ร่วมกับสารเสริมอื่นๆ ที่มีส่วนผสมของ gentisin, isogentisin และ gentiopicroside

     3)  คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน ดังนี้

         (ก) ทิงเจอร์เหล่งตาเช้า (gentian tincture) จาก Gentiana lutea L. และสารผสมล่วงหน้า (premixture) ที่มีส่วนประกอบของทิงเจอร์เหล่งตาเช้า (gentian tincture) จาก Gentiana lutea L.   ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 30 กันยายน 2567 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 31 มีนาคม 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้กับประเภทสัตว์ที่ได้รับอนุญาตได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

        (ข) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) ที่มีส่วนประกอบของทิงเจอร์เหล่งตาเช้า (gentian tincture) จาก Gentiana lutea L.  ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 31 มีนาคม 2568 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 31 มีนาคม 2567 สามารถวางจำหน่ายและใช้กับประเภทสัตว์ที่ได้รับอนุญาตได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

        (ค) สต็อกคงค้างของทิงเจอร์เหล่งตาเช้า (gentian tincture) จาก Gentiana lutea L. สามารถวางจำหน่ายและใช้กับประเภทสัตว์ที่ได้รับอนุญาต นอกเหนือจากที่ระบุในภาคผนวก ไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568

        (ง)  สารผสมล่วงหน้า (premixture) ที่มีส่วนประกอบของทิงเจอร์เหล่งตาเช้า (gentian tincture) จาก Gentiana lutea L.   สามารถวางจำหน่ายและใช้กับประเภทสัตว์ที่ได้รับอนุญาต นอกเหนือจากที่ระบุในภาคผนวก ไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568

        (จ) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) ที่มีส่วนประกอบของทิงเจอร์เหล่งตาเช้า (gentian tincture) จาก Gentiana lutea L.   หรือสารผสมล่วงหน้า  สามารถวางจำหน่ายและใช้กับประเภทสัตว์ที่ได้รับอนุญาต นอกเหนือจากที่ระบุในภาคผนวก ไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2569

    4) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 11 มีนาคม 2567) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=OJ:L_202400824