free page hit counter

สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป

Office of Agricultural Affairs | Royal Thai Embassy, Brussels
HomeRegulation สหภาพยุโรปอนุญาตสารเสริมในอาหารสัตว์

 สหภาพยุโรปอนุญาตสารเสริมในอาหารสัตว์

Featured Image by Nighthawk Shoots on Unsplash

1. Commission Implementing Regulation (EU) 2023/1705 ว่าด้วย การอนุญาตให้ preparation of riboflavin (vitamin B2) ที่ผลิตโดย Bacillus subtilis เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L 221/11 โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบอนุญาตให้ preparation of riboflavin (vitamin B2) ที่ผลิตโดย Bacillus subtilis เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางโภชนาการ (nutritional additives) โดยมีหน้าที่เป็นวิตามิน โปรวิตามิน และสารเคมีที่มีผลคล้ายคลึง (vitamins, pro-vitamins and chemically well-defined substances having similar effect) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ทุกชนิด เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 28 กันยายน 2576 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

    2) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 8 กันยายน 2566) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32023R1705

2. Commission Implementing Regulation (EU) 2023/1707 ว่าด้วย การอนุญาตให้ 2-acetylfuran  และ 2-pentylfuran เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L 221/27 โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบอนุญาตให้ 2-acetylfuran  และ 2-pentylfuran เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางประสาทสัมผัส (sensory additives) โดยมีหน้าที่เป็นสารแต่งกลิ่นรส (flavouring compounds) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ทุกชนิด เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ ไปจนถึงวันที่ 28 กันยายน 2576 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

     2) คณะกรรมาธิการยุโรปได้กำหนดมาตรการเปลี่ยนผ่าน ดังนี้

        (ก) สาร 2-acetylfuran  และสาร 2-pentylfuran ที่มีรายชื่อปรากฏในภาคผวกและสารผสมล่วงหน้า (premixture) ที่มีส่วนประกอบของสารเสริมดังกล่าวที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 28 มีนาคม 2567 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 28 กันยายน 2566 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

        (ข) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) ที่ใช้สำหรับสัตว์ที่ผลิตเพื่อเป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของสารเสริมทั้ง 2 รายการดังกล่าว ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 28 กันยายน 2567 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 28 กันยายน 2566 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

        (ค) อาหารสัตว์ผสม (compound feeds) และวัตถุดิบอาหารสัตว์ (feed materials) ที่ไม่ใช้สำหรับสัตว์ที่ผลิตเพื่อเป็นอาหาร ที่มีส่วนประกอบของสารเสริมทั้ง 2 รายการดังกล่าว ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 28 กันยายน 2568 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบฉบับเดิม ก่อนวันที่ 28 กันยายน 2566 สามารถวางจำหน่ายและใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมดไปจากคลังสินค้า

     3) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 8 กันยายน 2566) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32023R1707

                                                                                                                  

3. Commission Implementing Regulation (EU) 2023/1709 ว่าด้วย การอนุญาตให้ preparation of Lentilactobacillus diolivorans DSM 33625 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L 221/34 โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบอนุญาตให้ preparation of Lentilactobacillus diolivorans DSM 33625  เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมทางเทคโนโลยี (technological additives) โดยมีหน้าที่เป็นสารเร่งปฏิกริยาในหญ้าหมัก (silage additives) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ทุกชนิด เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ ไปจนถึงวันที่ 28 กันยายน 2576 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

    2) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 8 กันยายน 2566) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32023R1709

4. Commission Implementing Regulation (EU) 2023/1713 ว่าด้วย การอนุญาตให้ preparation of endo-1,4-beta-xylanase ที่ผลิตโดย Trichoderma reesei ATCC PTA-5588, protease ที่ผลิตโดย Bacillus subtilis CBS 148232 และ alpha-amylase ที่ผลิตโดย Bacillus licheniformis ATCC SD-652 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ ใน EU Official Journal L 221/51 โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1) คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นชอบให้ preparation of endo-1,4-beta-xylanase ที่ผลิตโดย Trichoderma reesei ATCC PTA-5588, protease ที่ผลิตโดย Bacillus subtilis CBS 148232 และ alpha-amylase ที่ผลิตโดย Bacillus licheniformis ATCC SD-652 เป็นสารเสริมในอาหารสัตว์ (feed additive) ภายใต้กลุ่มสารเสริมเฉพาะทางสำหรับสัตว์ (zootechnical additives) เพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการย่อยอาหาร (digestibility enhancers) และอนุญาตให้ใช้กับสัตว์ปีก เป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่กฎระเบียบฯ มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 28 กันยายน 2576 เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรสวมใส่ชุดป้องกัน

     2) คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดการใช้สารเสริมที่ระดับต่ำสุดในไก่เพื่อขุน ไก่เลี้ยงเพื่อไข่ และสัตว์ปีกวัยเยาว์เพื่อขุนและเพื่อไข่ ดังนี้

         2.1) endo-1,4-beta-xylanase ระดับต่ำสุดไม่เกิน 2,000 Ux หน่วยกิจกรรม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

         2.2) protease ระดับต่ำสุดไม่เกิน 4,000 Up หน่วยกิจกรรม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)

         2.3) alpha-amylase ระดับต่ำสุดไม่เกิน 200 UA หน่วยกิจกรรม/กิโลกรัมของอาหารสัตว์ (ที่มีความชื้นร้อยละ 12)      

    3) กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่                                                                                                         

8 กันยายน 2566) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้

https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32023R1713