คณะกรรมาธิการยุโรปประกาศ Commission Implementing Regulation (EU) 2022/1364 ว่าด้วย การปรับแก้ Regulation (EC) No 1881/2006 ในการกำหนดค่าตกค้างสูงสุด (MLs) ของกรดไฮโดรไซยานิค (hydrocyanic acid) ในอาหาร ใน EU Official Journal L 205/227 โดยมีรายละเอียดดังนี้
- คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นควรแก้ไขค่าตกค้างสูงสุด (MLs) ของกรดไฮโดรไซยานิคในอาหารกลุ่มที่มีความเสี่ยงส่งผลให้ผู้บริโภคได้รับกรดฯ ดังกล่าวเกินกว่าค่าปริมาณอ้างอิงเฉียบพลัน (Acute Reference Dose : ARfD) ซึ่งกำหนดไว้ที่ระดับ 20 ไมโครกรัมของไซยาไนด์/กิโลกรัมน้ำหนักตัว (kg body weight) โดยให้ครอบคลุมสินค้าอาหารกลุ่มเสี่ยงที่ระบุใน Regulation (EC) No 1881/2006 ภาคผนวก Section 8 ข้อ 8.3 (กรดไฮโดรไซยานิค รวมถึงกรดไฮโดรไซยานิคที่มีในสารไซยาโนจีนิค ไกลโคไซด์ (cyanogenic glycoside)) ดังนี้
เมล็ดลินิน (linseed) ที่ไม่ได้แปรรูป ทั้งเมล็ด ในลักษณะบด/แตกละเอียด หมวด 8.3.1 ยกเว้นอาหารที่ระบุในข้อ 8.3.2 ที่ระดับ 250 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
เมล็ดลินิน (linseed) ที่ไม่ได้แปรรูป ทั้งเมล็ด ในลักษณะบด/แตกละเอียด ที่วางจำหน่ายในตลาดให้แก่ผู้บริโภคคนสุดท้าย หมวด 8.3.2 ที่ระดับ 150 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
อัลมอนท์ (almonds) ที่ไม่ได้แปรรูป ทั้งเมล็ด ในลักษณะบด/แตกละเอียด ที่วางจำหน่ายในตลาดให้แก่ผู้บริโภคคนสุดท้าย หมวด 8.3.3 ที่ระดับ 35 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
เนื้อเมล็ดแอปริคอต (apricot kernels) ที่ไม่ได้แปรรูป ทั้งเมล็ด ในลักษณะบด/แตกละเอียด ที่วางจำหน่ายในตลาดให้แก่ผู้บริโภคคนสุดท้าย หมวด 8.3.4 ที่ระดับ 20 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
รากมันสำปะหลัง (cassava root) สด ปอกเปลือก หมวด 8.3.5 ที่ระดับ 50 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
แป้งมันสำปะหลัง (cassava flour and tapioca flour) หมวด 8.3.6 ที่ระดับ 10 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
2. กำหนดช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านให้สินค้าอาหารที่มีรายชื่อใน Commission Implementing Regulation(EU) 2022/1364 ภาคผนวก ข้อ 8.3 (8.3.1 – 8.3.6) ที่วางจำหน่ายในตลาดก่อนวันที่ 1 มกราคม 2566 สามารถวางจำหน่ายได้ไปจนกว่าช่วงอายุการเก็บรักษา/วันที่ควรบริโภคได้ระบุไว้
3. กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าว สามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ดังนี้