free page hit counter

สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป

Office of Agricultural Affairs | Royal Thai Embassy, Brussels
HomeRegulationสหภาพยุโรปกำหนดปริมาณค่าตกค้างสูงสุดของยาสัตว์

สหภาพยุโรปกำหนดปริมาณค่าตกค้างสูงสุดของยาสัตว์

Featured Image by Nataliya Vaitkevich under Pexels license
  1. Commission Implementing Regulation (EU) 2020/1685 ว่าด้วย การกำหนดปริมาณค่าตกค้างสูงสุดของยาสัตว์ bupivacaine ใน EU Official Journal L 379/44
    1. คณะกรรมาธิการยุโรปพิจารณาให้ยา bupivacaine บรรจุอยู่ใน Commission Regulation (EU) No 37/ 2010 ภายใต้ Annex Table 1 โดยกำหนดให้ bupivacaine เป็นยาชา (Local anaesthetic) สำหรับสุกรและวัว และไม่มีการกำหนดค่าตกค้างสูงสุดของยาดังกล่าว ทั้งนี้ อนุญาตให้ใช้เฉพาะทางผิวหนัง (for cutaneous and epilesional use only) กับลูกสุกรที่มีอายุไม่เกิน 7 วัน และลูกวัวที่มีอายุไม่เกิน 2 เดือน เท่านั้น
    2. กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วันหลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2563) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าวสามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ดังนี้ https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32020R1685&from=EN
  2. Commission Implementing Regulation (EU) 2020/1712 ว่าด้วย การกำหนดปริมาณค่าตกค้างสูงสุดของยาสัตว์ lidocaine ใน EU Official Journal L 384/3
    1. คณะกรรมาธิการยุโรปพิจารณาให้ยา lidocaine บรรจุอยู่ใน Commission Regulation (EU) No 37/ 2010 ภายใต้ Annex Table1 โดยกำหนดให้ lidocaine เป็นยาชา (Local anaesthetic) ในม้า สุกร และวัว ดังนี้
      • (1) ม้า : ไม่มีการกำหนดค่าตกค้างสูงสุดของยาดังกล่าวในม้าเพื่อการบริโภค โดยอนุญาตให้ใช้สำหรับระงับความรู้สึกเฉพาะที่/บริเวณเท่านั้น(for local/regional anaesthesia only)
      • (2) สุกร : ไม่มีการกำหนดค่าตกค้างสูงสุดของยาดังกล่าวในสุกรเพื่อการบริโภค โดยอนุญาตให้ใช้กับลูกสุกรที่มีอายุไม่เกิน 7 วัน และให้ใช้เฉพาะทางผิวหนังเท่านั้น (for cutaneous and epilesional use only)
      • (3) วัว : กำหนดค่าตกค้างสูงสุดของยาดังกล่าวในสินค้าที่ผลิตเพื่อการบริโภคดังนี้
        • 150 µg/kg ในกล้ามเนื้อ
        • 200 µg/kg ในไขมัน
        • 1µg/kg ในตับ
        • 20๐ µg/kg ในไต
        • 30 µg/kg ในนม
    2. กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วันหลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2563) ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าวสามารถสืบค้นเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ดังนี้ https://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32020R1712&from=EN